3/10/52

"Request For Comment"

Request For Comment

1. ท่านเรียนรู้อะไรบ้างจากการฝึก Juggling
ก่อนอื่นผมต้องบอกไว้ก่อนว่า ตั้งแต่คลาสแรกของปีที่อาจารย์บอกว่าจะมีการโยน Juggling ผมได้เคยดูถูกตัวเองไว้ว่า “ผมไม่มีทางทำได้หรอก ลำพังแค่โยนเพื่อนโยนลูกบอลมาให้ลูกเดียวยังจะรับไม่ค่อยได้เลย แต่นี่มัน 3 ลูกเลยนะ ถ้าผมทำได้ก็บ้าแล้ว” ในตอนนั้นผมคิดว่าผมทำไม่ได้ ทั้งๆที่จริงแล้วผมไม่ได้ทำมันต่างหากล่ะ จนกระทั่งผมเริ่มเรียนในวิชา innovative thinking ผมได้เริ่มค่อยๆเปลี่ยนความคิดตัวเอง จนมีความรู้สึกว่า “ลองดูหน่อยละกัน แต่ลึกๆแล้วก็ยังคิดอยู่ว่าคงเป็นไปได้ยาก” จนมาถึงวันที่มีคลาสเรียน Juggling ผมได้เรียนกับอาจารย์ให้ค่อยๆโยนทีละลูก แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนลูก พร้อมทั้งเทคนิคการโยนแบบต่างๆ สังเกตุเห็นได้เลยว่าพัฒนาการของการโยนของผมตอนนั้นโดดเด่นมาก คือช้ากว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลที่มันเป็นอย่างนั้นผมคิดว่าเพราะจิตใจเรามันยังคอยย้ำอยู่ในใจเสมอว่า “ผมทำไม่ได้หรอก” จนเลิกคลาสผมกลับมาที่บ้าน รู้สึกว่า”ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนความคิดนะต่อให้ฝึกอีก 100 ปีก็โยนไม่ได้หรอก” ผมจึงต้องเริ่มใหม่ทำใหม่ “ฉันมีความสามารถในการโยน Juggling ฉันมีความสามารถในการโยน Juggling ฉันมีความสามารถในการโยน Juggling” เชื่อไหมล่ะครับ ผมสามารถโยน Juggling ได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่คล่อง ได้แค่ 3-4 ทีบอลก็กระดอนไปคนละทิศละทางแล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดถึงการพัฒนา ไม่ใช่แค่ในเรื่องโยน Juggling นะครับ ทัศนคติก็พัฒนาขึ้นเอง ตอนนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่า”ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ ก็จงทำไม่ได้ต่อไป”

2. ท่านชอบเนื้อหาหรือกิจกรรมใดมากที่สุด โปรดให้เหตุผล
ผมชอบกิจกรรมที่ TCDC มากที่สุดเลยครับ เนื่องจากเป็นคลาสหลังๆของวิชาเรียนแล้ว ในวันนั้นผมและเพื่อนๆได้ใช้ความรู้ต่างๆที่เรียนมาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระดมสมอง การหาไอเดียใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาปรากฏว่า พวกเราสามารถทำภารกิจได้ดีเกินคาดมากๆ จนไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าเราคิดได้ยังไงภายในเวลา 1 ชั่วโมง มันเหมือนกับว่าได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นส่าสิ่งที่เรียนมา สามารถนำมาใช้ได้จริง และมีอีกอย่างคือการนำเสนอแบบ”เดชาขุฉะ”(หรืออะไรซะอย่าง คือการเสนอ slide ละ 20 วินาทีเท่านั้น) ต้องบอกไว้ก่อนว่าทักษะการพูดรายงานหรือพูดต่อหน้าชุมชน ผมจะค่อนข้างถนัดเป็นพิเศษ ผมรู้สึกว่าการนำเสนอแบบนี้มันใกเราได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อควบคุมสถานการณ์ เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ชอบมากครับ

3. ท่านคิดว่างานมอบหมายในวิชานี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับวิชาอื่นโดยเฉลี่ย โปรดให้เหตุผล
ผมคิดว่างานที่ได้รับมอบหมายในวิชานี้เท่ากับวิชาอื่นน้อยกว่าวิชาอื่น ดูเผินๆแล้วเหมือนกับว่าวิชานี้จะมีงานมากกว่าทั้งการบ้าน โปรเจคเดี่ยว โปรเจคกลุ่ม เขียน Blog การตอบคำถามในห้อง ต่างๆมากมาย แต่วิชานี้ไม่มีสอบและงานที่ได้รับมอบหมายก็ไม่ได้เกินความสามารถอะไร และหลายๆงานก็เป็นงานที่ทำแล้วได้คิดได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน เมื่อทำแล้วไม่ต้องกลัวว่าทำแล้วจะผิดหรือเปล่า เหมือนมีอิสระทางความคิดได้ทำอะไรตามใจ และที่สำคัญงานที่ได้รับมอบหมายมักจะไม่ชนกับการสอบหรือการส่งโปรเจคต่างๆ เช่นการบ้านช่วงต้อนๆเทอมมีค่อนข้างมาก ซึ่งวิชาอื่นจะมีมากช่วงปลายเทอม จึงไม่ทับกับวิชาอื่นเป็นข้อดีมากๆเลยครับ ทำให้เมื่อเทียบกับวิชาอื่นแล้วงานจะน้อยกว่าวิชาส่วนใหญ่ที่ได้เรียนนะครับ

4. จงอ่านบทความเรื่อง "บทเรียนจากเบิร์กเล่ย์" และเสนอกลยุทธ์ในการพัฒนาตนเองเพิ่มเติมอย่างน้อย 2 ข้อ
ข้อแรก: ต้องเปิดตัวเองให้กว้างขึ้น อาจลองทำอะไรต่างๆที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่นอาจจะไปศึกษาการเรียนดูหมอ หรือเลี้ยงปลาคาร์ฟ หรืออะไรก็ต่างที่ไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด นอกจากจะทำให้คุณกว้างขึ้นแล้ว คุณอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆไปใช้ในการเรียนหรือการทำงานอีกด้วย
ข้อที่สอง: ต้องหมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ นอกจากการพัฒนาความรู้จากการอ่านหนังสือและการเข้าสัมมนาต่างๆแล้ว ควรจะพัฒนาจิตใจด้วยเช่นการหาเวลาว่างๆไปนั่งสมาธิหรือเข้าหาศาสนา เพราะนอกจากจะเป็นการพัฒนาจิตใจและเป็นการพักผ่อนที่ดีอีกทางหนึ่งแล้ว คุณยังสามารถนำสิ่งที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการทำงานอีกด้วย

5. ท่านคาดว่าจะได้รับเกรดอะไร จงให้เหตุผลอย่างละเอียด
หากการวัดผลคือการสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ผมมั่นใจว่าผมได้เกีด A แน่นอน ผมยอมรับเลยว่าตั้งแต่เรียนวิชานี้ อะไรต่างๆในตัวผมปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความคิด ผมคิดว่าผมสามารถหาไอเดียใหม่ๆ และความคิดที่หลากหลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดินผ่านวัดหัวลำโพงเห็นคนเสี่ยงเซียมซี ก็ทำให้นึกอะไรได้มากมายโดยใช้เทคนิคต่างๆที่เรียนมาจนได้มาเป็นโปรเจคกลุ่ม หรือแม้แต่เวลาที่ผมจะทำอะไรผมก็จะมีการย้ำจิตตัวเองเสมอ รวมไปถึงการทำงานกลุ่มของวิชา SE ผมก็ได้ใช้วิธีการระดมสมองแบบที่ถูกต้อง นำเทคนิคหมวก 6 ใบมาใช้เป็นต้น และนอกจากนี้ผมยังมีส่วนร่วมในชั้นเรียนทุกครั้ง พยายามจะยกมือตอบคำถาม พยายามอาสาไปนำเสนองานหน้าชั้นอยู่เป็นประจำ จึงมั่นใจในตัวเองว่าจะได้รับเกรด A แน่นอน

6. ถ้ามีวิชา Innovative Thinking II ท่านต้องการเรียนเนื้อหาอะไร
ผมอยากเรียนเนื้อหาแบบ Hack Your Mind โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ Mind Mapping และ Soft Skill ต่างๆเช่นการนำเสนอผลงาน รวมไปถึงการพัฒนาบุคลิกภาพต่างๆ เพื่อจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังอยากให้มีวิทยากรจากภายนอกมาบรรยายมากๆ และมีการเรียนนอกสถานที่บ้าง เพราะทำให้มีชั้นเรียนความน่าสนใจและ ยังทำให้นิสิตได้รับมุมมองที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป และนอกจากนี้อยากให้มี

7. ถ้าท่านเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ ท่านจะตั้งคำถามอะไรและจะตอบอย่างไร
Q: ท่านคิดว่ามีอะไรบ้างที่ควรปรับปรุงในวิชานี้
A: ผมคิดว่าสิ่งที่ควรปรับปรุงคือความเชื่อมโยงของเนื้อหาวิชา เหมือนกับว่าผมยังเชื่อมโยงของเนื้อหาที่เรียนได้ไม่ค่อยเท่าไหร่ เหมือนจิ๊กซอร์คนละกล่องเอาผสมกัน ในแง่ความหลากหลายนั่นดีมากๆเลยครับผมชอบครับ ต่อออกมาได้ภาพที่แปลกใหม่ น่าสนใจ แต่มันก็ค้างๆคาๆเหมือนกับว่าจิ๊กซอร์มันยังต่อไม่เสร็จ ชิ้นนี้ก็หาที่ลงไม่ได้ ตรงนั้นก็ยังแหว่งอยู่ หากมีการพูดถึงภาพโดยรวมมากขึ้นน่าจะเชื่อมโยงได้ดีกว่านี้นะครับ แต่น่าแปลกที่ว่าขนาดจิ๊กซอร์ที่ต่อไม่เสร็จ ผมก็สามารถนำจิ๊กซอร์นี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำได้ตลอดเวลา ขอขอบคุณอาจารย์มากๆครับ

26/9/52

Personal Innovation Project "หนังสือสอนมายากลแบบฉบับป๋า" Part 2

ก่อนที่จะได้ชมหนังสือฉบับเต็ม วันนี้ก็มีน้ำย่อยมาฝากนะครับ

สำหรับวิธีการทำนั้น

1. รวบรวมกลต่างๆ(กลแบบขำๆนะ)ที่ผมเคยได้เล่นมาทั้งชีวิตว่ามีอะไรบ้าง
รวบรวมมาได้ 10 กลที่น่าสนใจ

2. หาเหยื่อ

3. ไปเล่นให้เหยื่อดู แล้วถ่ายภาพเอาไว้

4. นำมาทำเป็น"หนังสือสอนมายากลแบบฉบับป๋า"

เอาล่ะ เวลาที่ท่านรอคอบมาถึงแล้ว

ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี และสุภาพตุ๊ดทั้งหลาย

พบกับกลแรกของเราได้เลย

กลเหรียญหาย!!!!

"น้องๆมีเหรียญไหม พี่จะเอามาเล่นกลหน่อย"




...





"มี 10 บาทค่ะพี่"
"ได้ครับ เหรียญ 10 เล่นได้ๆ"




...




"ทีนี้ปิดตาก่อนนะ"




...




"ปิดตาแล้วไงต่อคะ!?......"




...




"รอนานแล้วนะ"




...




"ได้ 10 บาทแล้ว เย้เย้ๆ หนีดีกว่า"


หวังว่าจะเป็นที่ถูกใจกันนะครับ (หรือว่าเสียใจกัน TT)

พบกับทั้ง 10 มายากลได้ใน "หนังสือสอนมายากลแบบฉบับป๋า" 5 ตุลาคมนี้

i3all บอล

25/9/52

3 ชม. จะบอกอะไรได้

วันนี้อาจมาแบบก้าวร้าวหน่อย

คือไม่เข้าใจทำไมถึงเชื่อกันว่า

การทำข้อสอบ 3 ชม. จะเป็นการบอกว่า

คนคนนั้นเข้าใจการเรียนตลอด 4 เดือนได้อย่างไร

เมื่อผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้คือการนำไปประยุกต์ใช้งานจริงไม่ใช่หรือ

แต่การวัดผลแบบนี้ก็แฟร์ดีนะ และกระตุ้นให้เกิดใส่ใจได้ดี

แต่จากความเป็นจริง จะมีกี่คนที่จำเนื้อหาที่ตัวเองสอบได้

แม้ว่าจะเพิ่งสอบผ่านไป 1 เดือนก็ตาม (คืนอาจารย์หมด 55+)

ที่มาบ่นไม่ใช่ว่าทำข้อสอบไม่ได้แล้วพาลนะ (ที่จริงก็พอทำได้อยู่บ้าง)

แค่แอบสงสัยและตั้งคำถามในใจตอนทำข้อสอบเท่านั้นเอง

คุณคิดเห็นอย่างไรบ้างล่ะ?

i3all บอล

19/9/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(14) "คลาสจบ แต่การเรียนรู้ยังไม่มีวันจบ"

วันนี้เป็นคลาสสุดท้ายของ Innovative Thinking 2009

วันนี้ได้เรียนเรื่องกับดักผู้เชี่ยวชาญ

ทำให้ได้แง่คิดว่า อย่าให้ความที่เรารู้มาก มาปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์

อย่างของกรณีของ FedEx เป็นต้น

และวันนี้ก็ได้ฟังเรื่องราวที่อาจารย์ได้ไปสิงคโปร์มา

ประทับใจมากๆครับ รู้สึกอยากไปบ้างสักครั้ง ถึงบัตรแพงจริง แต่ก็คุ้มนะ

ตอนนี้คงต้องหาหนังสือของ Anthony Robbins อ่านไปพลางๆก่อน

คลาสสุดท้ายแล้ว ในใจลึกๆผมก็แอบเศร้าอยู่เหมือนกันนะ

ยิ่งในการ affirmation ครั้งสุดท้ายในคลาส

ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ทำ affirmation ครั้งแรก

ต้องขอขอยคุณอาจารย์มากๆครับที่เปิดวิชานี้ให้ผมได้ศึกษา

ผมสัญญาว่าจะพัฒนาตัวเอง และเรียนรู้สิ่งต่างๆไปตลอดชีวิตครับ

i3all บอล

18/9/52

Personal Innovation Project "หนังสือสอนมายากลแบบฉบับป๋า" Part 1

เป็นที่เลื่องชื่อลือนาม เกี่ยวกับฝีมือมายากลของผม

ใครที่ได้เคยชมก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไปได้!

วันนี้ล่ะครับ ที่เราจะได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังว่า

มายากลแบบฉบับป๋า เค้าทำกันอย่างไร

กับ "หนังสือสอนมายากลแบบฉบับป๋า"

ว้าว!!!!!!!!!!!

เนื้อหาภายใน อาจจะยังไม่สามารถเปิดเผยได้

แต่แน่นอน ภายในหนังสือจะมีเฉลยกลเด็ดๆ กว่า 10 กลด้วยกัน

อาธิเช่น กลไพ่ กลเหรียญ กลแบงค์ กลต่างๆสารพัด

เหมาะแก่คนชอบกลอย่างเราๆเป็นอย่างยิ่ง

แล้วในวัน present ก็จะเป็นครั้งแรกที่จะเปิดตัวหนังสือเล่มนี้อย่างเป็นทางการ

ใครอยากเห็น การแสดงมายากลแบบฉบับป๋า ห้ามพลาดนะครับ

หรือใครอยากได้คู่มือสอน เผื่อเอาไปฝึกเล่นกันก็มาเอาไปก็ได้นะครับ ไม่หวงห้าม

แล้วเจอกันครับ

i3all บอล

ปล. เนื้อหาภายในขอเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวจะหมดสนุก
ถ้าแสดงโชว์แล้วจะนำเบื้องหลังมาให้ชมกันใน blog

ปล.2 วันนี้มาดูปกหนังสือกันก่อนก็ได้

17/9/52

เปลี่ยนไปเยอะนะเรา


พอดีมีโอกาสได้จัดห้องกลังจากที่ห้องรกมานาน

ไปเจอรูปถ่ายเก่าๆเข้า ตั้งแต่ยังเอ๊าะๆ

ดูแล้วเอิ่ม.... ใครเนี่ยหล่อดีนะเว้ยเฮ้ย 555+

ดูเปลี่ยนไปทุกวันๆ ทำให้อยากรู้เลยว่า

"ตอนแก่หน้าตาจะเป็นอย่างไร"

ก่อนไปขอฝากอะไรไว้อีกนิดนึง คลิกรูปเพื่อขยายได้นะ


เป็นข้อคิดเตือนใจหลังจากได้ดูรูปผม (เกี่ยวไรเนี่ย!)

i3all บอล

12/9/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(13) @TCDC

วันนี้ได้ไปเรียนนอกสถานที่ กันที่ TCDC


ไม่ใกล้ไม่ไกล ตรงเอ็มโพเรียมนี่เอง


ทุกคนต่างตื่นเต้นกันมาก ราวกับมาทัศนศึกษาตอนป.4

(ไม่เชื่อดูภาพได้เลย)






เริ่มแรกเลยเราได้มาดูส่วนจัดแสดงถาวร

เป็นนิทรรศการ เกี่ยวกับ Design มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย

ตามไปดูกัน





นอกจากนี้ ก็ยังมีนิทรรศการชั่วคราวจัดแสดงด้วย

ก็คืองานปล่อยแสง คิด ทำ กิน

งานปล่อยแสงครั้งก่อนผมก็เคยได้เข้าไปชมๆมาบ้างแล้ว

(ตามดูได้ใน blog เก่าๆ)

คราวนี้ได้มาดูอีกครั้งหนึ่ง กับงานใหม่ๆ ใน theme ใหม่ๆ

ยังประทับใจในไอเดียต่างๆที่พบเหมือนเดิม










และไฮไลท์ของวันก็มาถึง!!!

นั่นก็คือ...... กิจกรรมจากอาจารย์ธงชัย

นั่นคือ.......


โจทย์มีอยู่ว่า ให้ออกแบบสถานีตำรวจในโลกอนาคต

หลังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ โอ้ววม่ายยย!!!

การทำงานของเราเป็นไปอย่างสนุกสนาน

ได้ใช้ความรู้และเทคนิคต่างๆที่เรียนมาเพียบ

ทำให้งานที่ออกมาได้ดีเกินคาด

ส่วนรายละเอียดของสถานีตำรวจนะเหรอ

ใครที่ไม่ได้ไปฟังรายงานขอบอกว่าพลาดสุดๆ ฮามากๆ

i3all บอล

ปล. ไปตามอ่านได้ที่ Blog เพื่อนๆนะครับ มีรายละเอียดตรึมเลย
ปล.2 อย่าลืมออกจากบ้านมาทางไสลด์เดอร์แล้วขี่บานาน่าโบ๊ทมาเจอกันนะ

9/9/52

เรากินสุกี้กินMK เรากินMKกินสุกี้

ช่วงที่ผ่านมานั่งรถไฟฟ้าทุกวันจะได้เห็นโฆษณาตัวนึง

เห็นแล้วชอบมารก ต้องขอเอามาลง Blog นะครับ

ลองชมกันดูก่อน พร้อมเนื้อเพลงประกอบ



เรากินสุกี้กิน MK เรากิน MK กินสุกี้
เรากิน MK สิ่งดีๆ มีติดตัวตั้งมากมาย
กำลังสดใส กำลังใจเบิกบาน
MKทุกวัน พลันสุขใจ

ร่างการสดใสกิน MK จิตใจฮาเฮกินสุกี้
ความสุขมากมี จากสิ่งดีรอที่ร้าน MK
เติมความสดใส แบ่งปันความสุขใจ
กินMKเมื่อไหร่ หัวใจสุขสันต์

อยากให้คนไทยสุขภาพดี เมืองไทยมีชีวิตชีวาขึ้น

นั่นก็คือ โฆษณาสุกี้ยี่ห้อหนึ่ง ที่ไม่บอกก็รู้ว่าคือยี่ห้ออะไร

อันดับแรกเลยผมชอบไอเดียคนคิดโฆษณานี้มากเลย

ที่นำเพลงสุกี้ยากี้ของญี่ปุ่น (ชื่อเพลงเค้าเรียกยังงี้จริงๆนะ)

มาแปลงให้เป็นเนื้อเพลงไทย แล้วใช้ในโฆษณาขายสุกี้

ประกอบกับ ท่อนแรกของเพลงที่ฟังแล้วต้องอมยิ้มที่ว่า

เรากินสุกี้กิน MK เรากิน MK กินสุกี้
ดูกวนดีเนอะ - -! แต่ก็ติดหูดีนะ

และที่ชอบมากที่สุดคือภาพในโฆษณาที่นำอาหารต่างๆ

มาใช้การอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบกับการเล่นทะเลของนักแสดง

เช่น เอาลูกชิ้นมาแทนห่วงยาง แทนลูกบอล

เอาผักกาดมาแทนพาราชู๊ด หมี่หยกแทนเชือกชักเย่อ

ลูกชิ้นรักบี้แทนบานาน่าโบ๊ต เต้าหู้แทนแพยาง

ชุดผักรวมเป็นประการัง ผักอื่นๆเป็นปลาตัวเล็กๆ มีเห็ดเป็นหางปลาวาฬ

โอ้วว้าวว!! ชอบฉากนี้มากคิดได้ไง

เรียกได้เลยว่าต้องไปดูนะครับ คนคิดโฆษณานี่ถือว่าฉลาดจริงๆ

ยิ่งเวลาหิวๆนี่ อยากกินสุกี้ขึ้นมาทันที ใช้การอุปมาอุปไมยได้เป็นประโยชน์จริงๆ

i3all บอล

ปล. เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าที่ MK นอกจากขายสุกี้แล้ว เค้าก็มีขายนมด้วย
ปล2. เย้ย!! นั่นมันซาลาเปา - -!
ปล3. แอ๊ดๆ ติดเรท

5/9/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(12) อาจารย์ไม่อยู่ หนูร่าเริง

วันนี้เป็นวันที่อาจารย์ธงชัยไม่อยู่

พวกหนูๆ(พวกนิสิต)ก็ร่าเริงสิครับ

ที่ว่าร่าเริงไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ

เพราะวันนี้มีกิจกรรมที่พี่ TA นำมาให้เล่นกัน

นั่นคือ อือ อือ.. (มี Echo)

"Lateral Thinking Puzzle"

อาจงงว่ามันคืออะไร

คือกติกาเป็นอย่างงี้นะ เหมือนมีสถานกาณ์นึงมา

ให้เราลองทายว่าเหตุการณ์ที่เกินขึ้นมานั้นเป็นเพราะอะไร

โดยการได้มาซึ่งคำตอบนั้น จะต้องถามจากคนที่รู้คำตอบเอา

โดยผู้ตอบจะตอบได้เพียง yes หรือ no เท่านั้น

ดูเปินเหมือนจะง่ายนะ แต่เอาเข้าจริงๆขอบอกว่ายากมากๆ

เพราะคำตอบแต่ละอันนั้นกรอบนอก เอ้ย! นอกกรอบสุดๆ

หากเราไม่คิดนอกกรอบแล้วล่ะก็ พรุ่งนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ 55+

วันนี้พวกผมก็สนุกมากเลย สนุกกับการได้ใช้ความคิด ได้ระดมสมองกัน

อีกทั้งได้ฝึกใช้เทคนิคต่างๆที่เรียนมาในการหาความคิดที่แปลกใหม่

ต้องขอขอบคุณอาจารย์และพี่ TA ด้วยครับ

ที่นำกิจกรรมดีๆแบบนี้มาให้ผมได้ฝึกสมองกัน ขอบคุณครับ

i3all บอล

28/8/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(11) มาใส่หมวกกัน

ในช่วงที่ใครๆก็ใส่หน้ากากเข้าหากัน

http://www.masks-wigs-and-costumes.com/Masks/images/fancy_mask_dowel_vx8900.JPG

ไม่ใช่หน้ากากนี้ ผมหมายถึงอันนี้ต่างหาก

http://www.vajira.ac.th/blog/wp-content/uploads/2009/07/h1n1_1.JPEG

วันนี้ต้องขอนอกกระแสนิดนึง มาสวมหมวกกันเถอะ



วันนี้ได้เรียนรู้เรื่อง "วิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ"

ซึ่งอาจารย์ธงชัยได้สอนแบบเข้าใจง่ายมาก และไม่ต้องจำอะไรให้มาก

เริ่มต้นที่ หมวกสีขาว

เวลาเห็นสีขาวนึกถึงอะไร กระดาษa4 ว่างๆ อะไรที่ไม่ถูกปรุงแต่ง

หมวกสีขาวหมายถึงคิดถึงข้อมูลเท่านั้น เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ล้วนๆ

หมวกสีแดง

เวลาเห็นสีแดงนึกถึงความรัก อารมณ์ความรู้สึก

หมวกสีแดงหมายถึงการคิดแบบใช้แต่อารมณ์และความรู้สึกเท่านั้น

เช่นความรู้สึกแรก ชอบหรือไม่ชอบ

หมวกสีดำ

เวลาเห็นสีดำ นึกถึงอะไรที่เป็นด้านลบ ด้านมืด

หมวกสีดำหมายถึงการคิดแบบแง่ลบ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว

คือคิดให้ระมัดระวัง หรือให้คิดหาจุดอ่อนของตัวเอง

หมวกสีเหลือง

ให้นึกถึง จีวรพระ ศาสนา

หมวกสีเหลืองคือให้คิดแยยมองโลกในแง่ดี พยายามคิดแต่ข้อดีสิ่งดี

หมวกสีเขียว

สีเขียวนึกถึงธรรมชาติผู้สร้างสรรค์โลก

หมวกสีเหลืองคือให้คิดแบบทางเลือก คือหาแนวทางที่สร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาใหม่ๆ

หมวกสีฟ้า

นึกถึงท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ปกคลุมโลกทั้งใบ

หมวกสีฟ้าคือให้คิดการปกครอง บริหารจัดการ

ซึ่งถ้าเราสามารถนำหลักการนี้ไปใช้ในการประชุม หรือการระดมความคิด

รับรองว่าจะได้ทางออกของปัญหาอย่างรวมเร็วแน่นอน

i3all บอล

25/8/52

Spaghetti WOW!




แยกออกไหมว่าจริงหรือปลอม???

.
.
.
.
.
.

ที่เห็นในภาพนั้นอ่ะ คือของปลอมนะครับ มันเป็น 2 มิติ

ส่วนของจริงน่ะเหรอ รอย่อยอยู่ในท้องผมเรียบร้อยแล้วครับ

i3all บอล

22/8/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(10) Fusion

วันนี้เราได้เรียนเกี่ยวกับการเชื่อมโยงความคิดอย่างอิสระ

ผมขอเรียกว่าการ Fusion ละกัน จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วๆไปนะ

การที่นำจะทำอะไรทางนึงทางเดียวเลย หรือเรียกว่าสุดโต่งนั้น

บางครั้งอาจจะไม่ work ก็ได้ ต้องมีการผสมผสานจับเข้าข้อดีของอีกสิ่งมารวมกัน


เทคโนโลยี + ดีไซน์ = MAC


music player (ipod) + phone = iPhone


รายการ reality show + การประกวดร้องเพลง = AF



Hip hop + Disco + Techno = BIGBANG


ละคร + วัฒนธรรม = สินค้าส่งออก


เห็นได้หากเราสามารถนำสิ่งต่างๆมาเชื่อมโยงกัน นำจุดดีมาใช้ให้เป็นประโยชน์

อย่างกรณีของแดจังกึมที่ทางรัฐบาลเกาหลีลงทุนให้สร้างนั้น

ก็นำข้อดีของละครที่คนต้องติดตาม มารวมกันข้อดีของวัฒนธรรมที่มีความงดงาม

เมื่อนำมาเชื่่อมโยงกันก็จะได้ละครเรื่องยาวเรื่องนึงที่ส่งออกขายได้

แถมยังเป็นการโปรโมตประเทศเขาอีกด้วย ฉลาดจริงๆ

แต่การจะคิดเชื่อมโยงได้นั้นก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ

เพราะทุกคต่างมีสิ่งกีดขวางการเชื่อมโยงกันทั้งนั้น

เราต้องกำจัดมันทั้งให้ได้ มีอยู่หลายวิธีอู่ด้วยกัน

เช่น การพูดคุยกับคนที่หลากหลาย ทำกิจกรรมอื่นๆที่เราไม่เคยได้ลองทำ

การคิดเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย หรือ จะกระตุ้นความคิดแบบสุ่มก็ได้นะ

ยังไงก็ลอง Fusion ความคิดเราดู ไม่แน่อาจจะได้ไอเดียอะไรใหม่ๆดีๆก็ได้

i3all บอล

19/8/52

แอบถ่าย!! มากับกิ๊กแน่ๆ

ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันผิด
ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำต้องทำให้ใครบางคนเดือนร้อนแน่ๆ

แต่ผมจะทำ!!
มันคันมาก อดไม่ไหวจริง 555+

"แอบถ่าย!!"

วันหนึ่งไม่นานมานี้ ณ ห้างหรูกลางใจเมือง

ผมได้พบกับบุคคลในภาพ ไม่ขอเอ่ยนาม
มากับหญิงสาวนิรนามท่านนึง
ท่าทางกระหนุงกระหนิงกันมากเป็นพิเศษ

ฟันธง!!! กิ๊กชัวร์
(รอให้เตเต้มาเคลียร์เอง)

โชคดีครับ

i3all บอล

15/8/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(9) 2คน2คม2วิทยากร

วันนี้ได้มีโอกาสได้ฟังวิทยา 2 ท่านมาบรรยาย นับว่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ท่านแรก คุณพลชัย พันธ์อำไพ

ท่านแรกมีประวัติที่น่าสนใจมากๆ โดยคุณพลชัยเป็นนักประดิษฐ์สายเลือดไทย

คือในความคิดผมนั้น คืออาชีพนักประดิษฐ์อาจจะหากินได้ยากหน่อยในปัจจุบัน

อย่างมากก็น่าจะเป็นแค่อาชีพเสริม แต่คุณพลชัยทำมันได้ และทำได้ดีอีกด้วย

มีงานประดิษฐ์หลายอย่างที่วิทยากรเคยทำมา เช่น เสียงปลุกคนหลับขณะขับรถ

หรือบอร์ดเกมส์ต่างๆที่ช่วยในเรื่องความรู้ทั่วไปเรื่องประเทศต่างๆ ถนนต่างๆในกทม.

รวมไปถึงคอร์ส word แบบใหม่ที่น่าเล่นไม่ใช่น้อย

แต่ก็มีแอบเบื่อนิดหน่อยตอนที่ วิทยากรพูดเรื่อง ufo

ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยเชื่่อเค้าด้วยมั๊ง (ขออภัยด้วยครับ ความเห็นส่วนตัวผมล้วนๆ)

เลยทำให้ไม่ได้สนใจฟังตอนนวัตกรรมทางสังคมมากนัก มีแอบหลับด้วย zZ ขอโทษด้วยครับ

ท่านที่สองครับ คุณพลศักดิ์ ปิยะทัต

ท่านนี้น่าสนใจมากๆ ที่บุคลิกและลีลาการนำเสนอสิ่งต่างๆของท่าน

ไม่รู้จะอธิบายอะไรดี คล้ายๆกับมาเฟียในหนังที่พันธมิตรพากษ์อ่ะได้มั๊ง

ได้เรียนรู้เรื่อง นวัตกรรมที่สามารถเข้าสู่เชิงพาณิชย์

เขาว่ากันว่าธุรกิจเดี๋ยวนี้ 75% ล้มใน 1 ปี 95% ล้มใน 5 ปี โอ้วม่ายยย!!

ฟังแล้วน่าหดหู่ยิ่งนัก แต่นี่คือความจริง สิ่งเดียวที่ทำให้อยู่รอดได้คือ

"นวัตกรรม" ซึ่งก็คือสิ่งที่ทำขึ้นใหม่ หรือแปลกจากเดิม

และสามารถพัฒนาสู้เชิงพาณิชย์ได้ อาจเป็นความคิดหรือเทคโนโลยีก็ได้

นอกจากนนี้ยังได้เรียนรู้เรื่อง องค์ประกอบของความสำเร็จทั้ง 8

ปัญหาและอุปสรรคทั้ง 9 ซึ่งที่ได้ฟังมา เห็นได้เลยว่ามีหลายส่วนที่เนื้อหาสอดคล้องกับวิชานี้มากๆ

และสุดท้ายมีเทคนิคในการปั่น google อย่างไรให้ติดอันดับ 1 อันนี้น่าสนใจมากๆ

14082009088

14082009089

ต้องขอบคุณ พลชัย พันธ์อำไพ และ คุณพลศักดิ์ ปิยะทัต ด้วยครับที่สละเวลามาบรรยาย

ขอบคุณมากๆครับ

i3all บอล

10/8/52

E-Trip (อยากเป็น freshy จัง)

เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปทริปกรุ๊ป E

(กรุ๊ป E ของคณะวิศวะคือกรุ๊ปที่ผมได้อยู่มาตั้งแต่ปี 1)

ท่จริงแล้วทั้งปีที่แล้วและปีนี้ผมไม่ได้เข้ากรุ๊ปเลย

ทำให้ไม่รู้จักน้องๆ ปี1 ปี2 ซักคน (ยกเว้นน้องในสายรหัส)

การไปครั้งนี้มีเพื่อนปี 4 ร่วมชะตากรรมไปด้วยกัน 10 คน

ขอบอกเลยจะจะเสียดายมากๆถ้าไม่ได้ทริปกรุ๊ป

ถึงแม้เพื่อนที่ไปด้วยจะไม่ได้คุยกันมานานแลวตั้งแต่แยกภาค

แต่เราก็ยังคุยกันได้ไม่ต่างกันตอนที่อยู่ปี 1 เพื่อนๆหลายคนดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะ

ทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงอดีตตั้งแต่ตอนที่เพิ่งมาเป็น freshy ใหม่ๆ เพิ่งได้รู้จักเพื่อนใหม่ในกรุ๊ป

ภายในทริปกิจกรรมก็มีมากมายเพื่อมาต้อนรับน้องๆเฟรชชี่ ถึงแม้ว่ากิจกรรมจะเดิมๆ

ดูคล้ายๆกับปีก่อนๆ แต่มันก็ยังคงเสน่ห์และความสนุกสนานอยู่

เฮ้ออ!! อยากกลับไปเล่นจัง อยากกลับไปเป็นเฟรชชี่นะ

ปีนี้น้องๆน่ารักมาก น่าแปลกที่กรุ๊ป E ปีนี้มีน้องผู้หญิงเข้ามาเยอะมาก

แถมยังน่ารักอีกด้วย แต่แอบมีความรู้สึกว่าปีนี้น้องเค้าแอบแรงเหมือนกันนะ

สุดท้ายไปทริปครั้งนี้เหมือนไปซึบซับบรรยากาศเก่าๆ กับเพื่อนเมื่อตอนปี 1

ไประลึกถึงบรรยาศเก่าๆเหมือนตอนเราอยู่ปี 1

ไปทำตัวแก่ๆให้น้องๆได้เข้ามาถามว่าเรียนเป็นยังไง อยู่วิศวะเป็นยังไง ภาคคอมเป็นยังไง

เฮ้ออ รู้สึกว่าตัวเองแก่จริงๆ จะ 4 ปีแล้วสินะ เวลามันป่านไปเร็วจริงๆ

In the world!! Thailand!!
In the land!! We are!!
In Chula!! We here!!
Intania!! Group E!!

i3all บอล

ปล. ก่อนไปขอฝากเพลงไว้เพลงนึง

8/8/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(8) วันที่ฉันขาดเรียน

คาบเรียนวันที่ 7 สิงหาคม

เป็นวันที่ฉันขาดเรียนวิชา Innovative Thinking

เนื่องจากฉันไม่ค่อยสบาย

แต่ถึงฉันจะขาดเรียนฉันก็ติดตามเนื้อหาการเรียนการสอนในวันนั้นจากเพื่อน

ฉันได้ทราบถึงโปรเจคเดี่ยวและโปรเขคกลุ่มที่ฉันได้รับมอบหมาย

ตอนนี้ฉันเริ่มมีไอเดียเล็กๆเกี่ยวกับทั้งสองโปรเจคแล้ว

สำหรับโปรเจคเดี่ยวนั้น ฉันคิดว่าฉันจะทำคู่มือ "fitness at home"

เพื่อให้เพื่อนๆที่ต้องการจะออกกำลังการด้วยการยกเวต

แต่ไม่มีเวลาได้ไปเล่นตามฟิตเนส หรือเขินอายเมื่อต้องเข้าไป

ฉันจึงจะทำคู่มือเพื่อให้เพื่อนๆได้ฝึกเล่นเวตในบ้านแบบง่ายๆ

โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน หรือยกเวตโดยใช้ดัมเบลที่หาซื้อได้ทั่วไป

ส่วนโปรเจคกลุ่ม ฉันมีแนวคิดว่า จะทำ Studio ถ่าย Music Video

คล้ายๆ Studio ถ่ายรูปแต่เปลี่ยนเป็นถ่าย Music Video แทน

โดยทางเราจะมี Production ให้ โดยลูกเค้าแค่เข้ามาถ่ายเท่านั้น

คือฉันได้แนวคิดมาจากว่า ปัจจุบัน Studio ถ่ายรูปนั้นปิดตัวลงไปมาก

เพราะกล้องดีๆเดี๋ยวนี้ราคาไม่แพงเลย

ลูกค้าจึงเลือกจะถ่ายรูปกันเองมากกว่าไปถ่ายตาม Studio

ถ้า Studio ลองใช้กลยุทธความคิดสร้างสรรค์ซักนิด

อาจเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสก็ได้นะ

และนอกจากนี้ วันนี้ฉันยังได้รับรายงานการประเมินผล คุณลักษณะเด่น/จุดเด่นรายบุคคล

ที่ผมเคยได้ทำไปเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน

ถ้าอยากรู้ว่าผมมีจุดเด่นอย่างไร เชิญชมได้เลยครับ


ขอบคุณครับ

i3all บอล

2/8/52

Jazz Jam Festival #2


ช่วงตลอดเดือนกรกฎาคมนี้

ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีงานหนึ่ง

ชื่อว่า "Jazz Jam Festival #2" จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์

ซึ่งจัดขึ้นทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์ ของเดือนกรกฎาคมปีนี้

ผมขอออกตัวก่อนนะครับว่าปกติแล้วผมก็ไม่ได้ฟังเพลง Jazz อะไรกับเขาหรอก

ผมก็แค่เดินผ่านมาแล้วมาดูงานเท่านั้นเอง 555+

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องกลับเข้ามาร่วมงานในสัปดาห์ถัดๆไปคือ

"เสน่ห์ของเพลงแจ๊ส" ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรอกนะ

แต่ผมเริ่มรู้สึกชอบดนตรีแนวนี้แล้วล่ะสิ

หากมีครั้งหน้า ผมคงไม่พลาดอย่างแน่นอน

i3all บอล

ปล. มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจมากๆในนักดนตรีแจ๊สทุกท่านที่มาร่วมในงานนี้
คือทุกคนจะเล่นเพลงพระราชนิพนธ์เป็นเพลงเปิดตัว
พร้อมทั้งเล่าถึงพระราชประวัติของในหลวง ขณะที่ทรงดนตรีแจ๊ส
ได้ฟังแล้วน่าปลาบปลื้มแทนชาวไทยทุกคนจริงๆ

1/8/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(7) จั๊กเปียกเพราะจั๊กกลิ้ง

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้สัมผัสประสบการณ์จั๊กกลิ้ง

นับว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกไว้เลบว่า

ถ้าไม่ได้เรียนวิชานี้ ชีวิตนี้ผมจะไม่มีวันเล่นจั๊กกลิ้งเป็นอันขาด

เพราะผมเป็นคนที่มีทักษะด้านความแม่นยำต่ำมาก

กีฬาที่มีความแม่นยำมาเกี่ยวข้องผมจะไม่ถนัดเอาเสียเลย

ทั้งฟุตบอล ปิงปอง บาสเกตบอล รวมไปถึงปาเป้าผมก็ยังทำไม่ค่อยได้เลย

ที่ผมชอบเล่นและถนัดก็จะเป็นแนวว่ายน้ำ ฟิตเนส มากกว่า

ซึ่งแน่นอนจั๊กกลิ้งต้องใช้ความแม่นยำสูงมากในการรับลูก

ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาหนักเลยสำหรับผม แต่ก็โอเคเอาไงเอากันสู้โว้ยยย!!!


เริ่มตั้งแต่การโยนลูกเดียว

ไม่ได้หมายความว่าโยนไปอย่างเดียวเลย

แต่หมายความว่าโยนลูกจั๊กกลิ้ง 1 ลูกก่อน

โยนมันไปบนมือเดียวนั่นแหละ โยนแล้วรับ โยนแล้วรับ

แล้วโยนเปลี่ยนมือ โยนแล้วรับ อันนี้ง่าย!!!

แต่ผมก็ยังพลาด - -*

ถัดไปลองใช้ 2 ลูกบ้าง โดยโยนขึ้นไปลูกแรกจากมือใดมือหนึ่งก่อน

พอลูกอยู่ในจุดสูงสุด v=0 นั่นแหละ

ให้โยนอีกลูกนึงขึ้นมา แล้วให้รับลูกที่โยนมาลูกแรก

แล้วค่อยรับลูกหลังที่โยนมา เฮ้ สวยงาม

ถัดไปก็ใช้ 3 ลูก ทำแบบเดียวกันกับตอน 2 ลูก

แต่พอลูกที่ 2 ขึ้นถึงจุดสูงสุด ก็ให้โยนลูกที่ 3 ขึ้นไป

ทำซ้ำเรื่อยๆ ก็จะโยนเป็นแล้ว เย้

ฟังดูง่ายเนอะ แต่ทำจริงนี่ยากมาก

คือยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมยังทำไม่ได้

ปัญหาที่พบมี 2 อย่างคือ

1.ผมไม่สามารถโยนลูกให้คงที่ได้

คือหลายๆทีเวลาโยนมันจะกระเด็นออกนอกทางไป

2. ถ้าโยนได้ตรงตำแหน่ง หลายๆครั้งผมจะรับไม่ได้

ทำไมมันถึงน่าเศร้าอย่างนี้ แต่ผมก็ไม่ท้อถอยนะ

เพราะมันเป็นปัญหาที่ติดตัวผมมาตลอด

หากผมแก้ไขจุดนี้สำเร็จ ผมอาจจะไปเล่นบอล บาส หรือปิงปองได้ดีขึ้นด้วยก็ได้

ส่วนเรื่องการทำงานประสานกันของร่างกายอันนี้แรกๆมีปัญหานิดหน่อย

พอลองๆเล่นดูซะพักก็เริ่มปรับตัวได้ มือไม้เริ่มเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

ต่อไปคือจะต้องฝึกๆๆๆ ซักวันผมต้องเล่นจั๊กกลิ้งให้ได้

ส่วนวันนี้ผมเล่นจนจั๊ก(แร้)เปียกเลยทีเดียว ^^

i3all บอล

29/7/52

โอ้ว! MFEC เรียนรู้จากประสบการณ์


วันนี้ในวิชา Entrepreneur นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้วิทยากรอย่าง
พี่ศิริวัฒน์ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท Mfec มาบรรยายในวันนี้
พี่ศิริวัฒน์ก็เป็นรุ่นพี่ cp เราเหมือนกัน แต่เมื่อ 20 ปีก่อนโน้นนเลย

วันนี้พี่เค้าได้มาเล่าประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบกิจการให้ฟัง
ซึ่งแน่นอนล่ะว่าหาฟังที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
เพราะนอกจากว่าจะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ IT ของไทยที่ประสบความสำเร็จ
พี่เค้ายังให้ความรู้แก่น้องๆแบบไม่มีกั๊กเลยทีเดียว

นี่คือบางท่อนบางส่วนที่ผมหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะครับ

software house ในไทย
70% ไม่โต ไม่ตาย สู้ๆทำไป
29% เจ๊ง
1% รอด


ไม่มีใครที่แข็งแรงพอที่จะร่ำรวยจาก IT ที่จะปกป้องผลประโยชน์ได้
ไม่มีเจ้าใหญ่ในมืองไทย ตลอด 20 ที่ผ่านมา
คนที่ใหญ่ที่ drive industry คือ supplier (ibm.dell,...)
ในตลาดจะเป็นแบบซื้อมาขายไป
เราไม่มี R&Dของตัวเอง

1 อ่านตลาดให้อ่าน
2 วาง business model ให้ถูก


เริ่มต้นจะทำ อย่าคิดแข่งกับเจ้าใหญ่ ตาย!!
เหมือนผลิตไฟท้ายขาย แทนที่จะผลิตรถขาย


industry นี้มันขึ้นอยู่กับคน ไม่ใช่เงิน
ดูอย่างง่ายๆ เด็กจุฬา smart สุด
แต่ ROI ต่ำสุด life time cycle ต่ำสุด
และมี moral hazard สูงสุด
(สามารถขึ้นเงินเดือนตัวเองได้ เปลี่ยนที่ทำงานบ่อยๆ)


หลายๆอย่างที่เราเรียนในมหาลัยไม่ได้ช่วยให้เราสร้างธุรกิจ


Basic สุดของการสร้างธุรกิจคือ process การหาเงินเข้า


คิดดูเขมรมีเงินเท่าเรา Technology เท่าเราเลย
แต่เรามีเงินเท่าญี่ปุ่นก็ได้ไม่เท่า


ทำบริษัทอะไรก็ตาม key ของมันคือต้องโต
ซื้อมาขายไป เป็นอะไรที่ prove มาแล้วว่าโตแน่นอนในประเทศไทย


key ในการสำเร็จอีกอย่างคือ เลือก partner มี feature
-ความเป็นเพื่อนมาก่อน เงินทองมาทีหลัง แต่โตมาก็จะกลับก่อน
แล้วถ้ามีเงินทอง ความเปนเพื่อนก็กลับมา
ถ้าเลือกจังหวะไม่ดีความเปนเพื่อนก็จะหายไป
-ไม่เอาเปรียบใคร และก็ไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ >> เสี่ยง คนดีไหม?
ที่จริงแล้วคนเหล่านั้นคือคนที่ไม่อยากให้ใครมาเอาเปรียบ และพร้อมที่จะเอาเปรียบตลอดเวลา
1 หาใครก็ได้ที่มีความสามารถใกลเคียงกัน (แค่สนิทกันไม่พอ)
2. ต้องหาคนที่มีความสามารถในส่วนที่เรายังขาด
3. เลือกคนดี ยังไงก็ต้องพากันเจริญ
คนดี VS คนเก่ง เลือกคนดีนะ
4. คนที่ทุ่มเทเต็มที่ ไม่ก็ professional

ทำธุรกิจกับเพื่อน ไม่มี leader ที่ชัดเจน พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ


เงินหน่ะมีเพียบ คนที่มีเงินและไม่พอใจกับดอกเบี้ยมีมาก
เขียน bussiness plan ให้ได้


feature ที่อยากเปนผู้ประกอบการ
ไม่ใช่ความฉลาด ไม่ใช่การศึกษา
ที่ต้องมีคือความมุ่งมั่น ถ้าไม่มีทำให้มันมีก่อน
นี่แหละคือจุดพร่องของ DNA คนไทย
ความฝันนั้นมีไม่ต่างกันหรอก แต่ความมุ่งมั่นต่าง!!
คนที่ฉลาดมีจุดอ่อนที่ตรงนี้แหละ


ถ้าเปิดบริษัทจะเจอ trap อะไบ้าง
1. ส่วนผสมไม่ครบ ถ้าไม่ครบยังไงก็ไม่ไปไหน หาใน model อะไรก็ได้
แมทช์ให้ได้ อย่าพยายามในอะไรที่เราไม่ถนัด
2. technology trap ลำพัง rechnology convert เปนเงินไม่ได้
ต้องมี bussiness knowledge ภ้าจาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดดไม่ได้


feature ของคนที่ทำบริษัทแล้ว success
1. คน ถ้าเลือกผิด เจ๊งไปแล้ว 70%
แล้วจะหาได้ยังไงล่ะ.... ต้องมี leadershipขั้นสูงเลยนะถึงจะหามาได้
2. coperate culture ต้องถูกต้อง ต้องหาลายเซ็นต์ของตัวเองให้ได้
อย่าทำแล้วมั่ว อะไรก็ทำ หาลายเซ็นต์ให้เจอ สร้างเป็น culture
แล้วเอาคนที่มีลักษณะเหมือนกันมารวมกัน


ต้องหา บ.คู่ค้า > 1 เพื่อลดความเสี่ยง
เพราะธุรกิจทาง IT มันล้มง่าย


คนเรามีเวลาที่ทำงานหนักในชาตินึง 7 ปี
ถ้ามากไปกว่านั้นมันจะมีความรับปิดชอบ แล้วจะทำงานหนักไม่ได้

อย่าเชื่อเรื่องโชตชะตา เชื่อ planning + Implementation


ผู้ประกอบการชอบคนที่พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
แล้วดึงศักยภาพสูงสุดออกมา


ความรู้มี 3 แบบ
ความรู้แท้
ความรู้เท็จ
ความรู้เทียม


You never know how high you can fly

ต้องขอขอบคุณพี่ศิริวัฒน์มากๆเลยนะครับ
ผมยกย่องในตัวพี่มาก
ขอบคุณมากๆครับ

i3all บอล

21/7/52

Cisco - P'Por Quote

พอดีไปคุ้ยๆรูปในโทรศัพท์มือถือไปเจอรูปนี้เข้า
เลยเก็บเอามาเล่าใน Blog ละกันนะครับ

เรื่องมันเกิดมาได้เกือบเดือนแล้วล่ะ
ในคาบเรียนวิชา Entrepreneur ได้มีวิทยากรมาบรรยาย
ซึ่งก็คือพี่ปอ นรา Channel System Engineer จาก บ.Cisco

พี่ปอได้ฝากข้อคิดอะไรให้มากมายทั้งความรู้ไอเดียทางธุรกิจจาก Cisco
เทคโนโลยีใหม่ๆ และแนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคต รวมถึง
เทคนิคการสมัครงาน และการใช้ชีวิตแบบพี่เค้าฉบับประสบการณ์

วันนี้เราขอหยิบเอาคำพูดของพี่ปอบางประโยคที่เด็ดๆ เก็บลง Blog ไว้ละกันนะ

... ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เป็นตัวเรานั้นไม่ดีหรอกนะ
แต่เราต้องแต่งตัว เปลี่ยนแปลงอะไรเล็กน้อย
เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่คนอื่นต้องการ ...


... ต้องแตกต่าง สร้างความต่างให้ได้ ...




ที่ประทับใจผมที่สุดเลยคือประโยคนี้ครับ

... ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้
แค่ทำมันมาทุกอย่างแล้ว
ก็ยังทำไม่ได้!!

สิ่งเดียวที่ยังขาดคือ
"เวลา"
จงทำมันต่อไป ...

โอ้วว ทำไมมันช่างคมคายและมีแง่คิดมากมาย
ฟังแล้วรู้สึกมีกำลังใจและฮึกเฮิมขึ้นมา

"ผมจะทำมันต่อไป"

สู้ๆนะตัวผมเอง

i3all บอล

20/7/52

ปล่อยแสง

(หลาย)วันก่อนได้มีโอกาสได้ไปเดิยข้างหน้าห้างมาบุญครอง
มีงานแสดงโชว์ผลงานดีๆชื่องานเท่ๆว่า
"ปล่อยแสง"

ในงานเป็นลักษณะ Outdoor โดยจะจัดแสดงผลงานต่างๆ
เย้ยขายไอเดียแปลกใหม่และสร้างสรรค์
จัดแสดงในช่องสี่เหลี่ยมๆแบบที่เห็นดังถาพด้านล่าง

ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกก่อนว่า ภาพเหล่านี้ที่ถ่ายมา
ไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของผลงานนะครับ
หากเจ้าของผลงานเห็นว่าไม่เหมาะสม
แจ้งทางบล็อคให้ผมลบออกได้นะครับ

มาเริ่มที่ผลงานแรกที่ผมชื่นชอบดีกว่าครับ
ให้ทายว่าคืออะไร??
หน้าของมันก็คงเป็นกระดาษลังธรรมดาๆหรือเปล่า
เปล่าเลย ที่จริงแล้วมันคือ...


เฟอร์นิเจอร์ลดโลกร้อนสำหรับเด็กนั่นเอง!!
ใช้งานจริงได้ด้วยนะครับ
แถมเด็กๆยังสามารถลงสี ตกแต่งเฟอร์ของเค้าเองได้อีกด้วย


มาดูกันต่อเลยครับ


อาจจะดูว่าเป็นแค่เครื่องเขียนธรรมดา
ไม่เห็นมีอะไรเลย
งั้นดูดีๆนครับ


เริ่มเห็นอะไรไหม?


เพียงใส่ไอเดียลงไปเล็กน้อย
เครื่้องเขียนธรรมดาก็มีมูลค่าเพิ่มแล้ว
ว้าววว!!


เห็นได้ว่าความคิดสร้างสรรค์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในทุกๆเรื่องจริงๆ
แค่เปลี่ยน packaging design เท่านั้น เครื่องเขียนก็ดูมีราคาขึ้นเยอะ


ผลงานต่อไปนะครับ

"ใจเขา ใจเรา"




เป็นงานศิลปะที่มีชื่อว่า "ใจเขาใจเรา"
ที่ต้องการแสดงให้เห็นถึง ความรู้สึกของสัตว์ต่างๆ ผ่านทางภาพถ่าย
คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ
ดูแล้วเข้าใจง่าย ความหมายชัดเจน


อีกผลงานนึงที่ผมชื่นชอบนะครับ


เป็นการนำขยะอิเล็กโทรนิกส์มาทำเป็นงานศิลปะ เพื่อแสดงให้คนได้รับรู้ว่า
ขยะอิเล็กโทรนิกส์เป็นอีกปัญหานึงของสังคมไทย ที่หลายคนมองข้ามไป
เห็นได้ว่ามันเกี่ยวข้องโดยตรงกับคนที่ทำงานด้านคอมพิวเตอร์เลยนะ
เพราะเราก็เป็นส่วนนึงของปัญหานี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วจะแก้มันอย่างไรดีล่ะ
งานศิลปะชิ้นนี้ไม่ได้บอก แต่เราคงต้องคิดกันเอาเอง??


หวังว่าคงจะเพลิดเพลินกันนะ
เดี๋ยวคราวหน้าเจองานอะไรจะนำมาฝากกันอีก

i3all บอล