3/10/52

"Request For Comment"

Request For Comment

1. ท่านเรียนรู้อะไรบ้างจากการฝึก Juggling
ก่อนอื่นผมต้องบอกไว้ก่อนว่า ตั้งแต่คลาสแรกของปีที่อาจารย์บอกว่าจะมีการโยน Juggling ผมได้เคยดูถูกตัวเองไว้ว่า “ผมไม่มีทางทำได้หรอก ลำพังแค่โยนเพื่อนโยนลูกบอลมาให้ลูกเดียวยังจะรับไม่ค่อยได้เลย แต่นี่มัน 3 ลูกเลยนะ ถ้าผมทำได้ก็บ้าแล้ว” ในตอนนั้นผมคิดว่าผมทำไม่ได้ ทั้งๆที่จริงแล้วผมไม่ได้ทำมันต่างหากล่ะ จนกระทั่งผมเริ่มเรียนในวิชา innovative thinking ผมได้เริ่มค่อยๆเปลี่ยนความคิดตัวเอง จนมีความรู้สึกว่า “ลองดูหน่อยละกัน แต่ลึกๆแล้วก็ยังคิดอยู่ว่าคงเป็นไปได้ยาก” จนมาถึงวันที่มีคลาสเรียน Juggling ผมได้เรียนกับอาจารย์ให้ค่อยๆโยนทีละลูก แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนลูก พร้อมทั้งเทคนิคการโยนแบบต่างๆ สังเกตุเห็นได้เลยว่าพัฒนาการของการโยนของผมตอนนั้นโดดเด่นมาก คือช้ากว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลที่มันเป็นอย่างนั้นผมคิดว่าเพราะจิตใจเรามันยังคอยย้ำอยู่ในใจเสมอว่า “ผมทำไม่ได้หรอก” จนเลิกคลาสผมกลับมาที่บ้าน รู้สึกว่า”ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนความคิดนะต่อให้ฝึกอีก 100 ปีก็โยนไม่ได้หรอก” ผมจึงต้องเริ่มใหม่ทำใหม่ “ฉันมีความสามารถในการโยน Juggling ฉันมีความสามารถในการโยน Juggling ฉันมีความสามารถในการโยน Juggling” เชื่อไหมล่ะครับ ผมสามารถโยน Juggling ได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่คล่อง ได้แค่ 3-4 ทีบอลก็กระดอนไปคนละทิศละทางแล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดถึงการพัฒนา ไม่ใช่แค่ในเรื่องโยน Juggling นะครับ ทัศนคติก็พัฒนาขึ้นเอง ตอนนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่า”ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ ก็จงทำไม่ได้ต่อไป”

2. ท่านชอบเนื้อหาหรือกิจกรรมใดมากที่สุด โปรดให้เหตุผล
ผมชอบกิจกรรมที่ TCDC มากที่สุดเลยครับ เนื่องจากเป็นคลาสหลังๆของวิชาเรียนแล้ว ในวันนั้นผมและเพื่อนๆได้ใช้ความรู้ต่างๆที่เรียนมาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระดมสมอง การหาไอเดียใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาปรากฏว่า พวกเราสามารถทำภารกิจได้ดีเกินคาดมากๆ จนไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าเราคิดได้ยังไงภายในเวลา 1 ชั่วโมง มันเหมือนกับว่าได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นส่าสิ่งที่เรียนมา สามารถนำมาใช้ได้จริง และมีอีกอย่างคือการนำเสนอแบบ”เดชาขุฉะ”(หรืออะไรซะอย่าง คือการเสนอ slide ละ 20 วินาทีเท่านั้น) ต้องบอกไว้ก่อนว่าทักษะการพูดรายงานหรือพูดต่อหน้าชุมชน ผมจะค่อนข้างถนัดเป็นพิเศษ ผมรู้สึกว่าการนำเสนอแบบนี้มันใกเราได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อควบคุมสถานการณ์ เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ชอบมากครับ

3. ท่านคิดว่างานมอบหมายในวิชานี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับวิชาอื่นโดยเฉลี่ย โปรดให้เหตุผล
ผมคิดว่างานที่ได้รับมอบหมายในวิชานี้เท่ากับวิชาอื่นน้อยกว่าวิชาอื่น ดูเผินๆแล้วเหมือนกับว่าวิชานี้จะมีงานมากกว่าทั้งการบ้าน โปรเจคเดี่ยว โปรเจคกลุ่ม เขียน Blog การตอบคำถามในห้อง ต่างๆมากมาย แต่วิชานี้ไม่มีสอบและงานที่ได้รับมอบหมายก็ไม่ได้เกินความสามารถอะไร และหลายๆงานก็เป็นงานที่ทำแล้วได้คิดได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน เมื่อทำแล้วไม่ต้องกลัวว่าทำแล้วจะผิดหรือเปล่า เหมือนมีอิสระทางความคิดได้ทำอะไรตามใจ และที่สำคัญงานที่ได้รับมอบหมายมักจะไม่ชนกับการสอบหรือการส่งโปรเจคต่างๆ เช่นการบ้านช่วงต้อนๆเทอมมีค่อนข้างมาก ซึ่งวิชาอื่นจะมีมากช่วงปลายเทอม จึงไม่ทับกับวิชาอื่นเป็นข้อดีมากๆเลยครับ ทำให้เมื่อเทียบกับวิชาอื่นแล้วงานจะน้อยกว่าวิชาส่วนใหญ่ที่ได้เรียนนะครับ

4. จงอ่านบทความเรื่อง "บทเรียนจากเบิร์กเล่ย์" และเสนอกลยุทธ์ในการพัฒนาตนเองเพิ่มเติมอย่างน้อย 2 ข้อ
ข้อแรก: ต้องเปิดตัวเองให้กว้างขึ้น อาจลองทำอะไรต่างๆที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่นอาจจะไปศึกษาการเรียนดูหมอ หรือเลี้ยงปลาคาร์ฟ หรืออะไรก็ต่างที่ไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด นอกจากจะทำให้คุณกว้างขึ้นแล้ว คุณอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆไปใช้ในการเรียนหรือการทำงานอีกด้วย
ข้อที่สอง: ต้องหมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ นอกจากการพัฒนาความรู้จากการอ่านหนังสือและการเข้าสัมมนาต่างๆแล้ว ควรจะพัฒนาจิตใจด้วยเช่นการหาเวลาว่างๆไปนั่งสมาธิหรือเข้าหาศาสนา เพราะนอกจากจะเป็นการพัฒนาจิตใจและเป็นการพักผ่อนที่ดีอีกทางหนึ่งแล้ว คุณยังสามารถนำสิ่งที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการทำงานอีกด้วย

5. ท่านคาดว่าจะได้รับเกรดอะไร จงให้เหตุผลอย่างละเอียด
หากการวัดผลคือการสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ผมมั่นใจว่าผมได้เกีด A แน่นอน ผมยอมรับเลยว่าตั้งแต่เรียนวิชานี้ อะไรต่างๆในตัวผมปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความคิด ผมคิดว่าผมสามารถหาไอเดียใหม่ๆ และความคิดที่หลากหลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดินผ่านวัดหัวลำโพงเห็นคนเสี่ยงเซียมซี ก็ทำให้นึกอะไรได้มากมายโดยใช้เทคนิคต่างๆที่เรียนมาจนได้มาเป็นโปรเจคกลุ่ม หรือแม้แต่เวลาที่ผมจะทำอะไรผมก็จะมีการย้ำจิตตัวเองเสมอ รวมไปถึงการทำงานกลุ่มของวิชา SE ผมก็ได้ใช้วิธีการระดมสมองแบบที่ถูกต้อง นำเทคนิคหมวก 6 ใบมาใช้เป็นต้น และนอกจากนี้ผมยังมีส่วนร่วมในชั้นเรียนทุกครั้ง พยายามจะยกมือตอบคำถาม พยายามอาสาไปนำเสนองานหน้าชั้นอยู่เป็นประจำ จึงมั่นใจในตัวเองว่าจะได้รับเกรด A แน่นอน

6. ถ้ามีวิชา Innovative Thinking II ท่านต้องการเรียนเนื้อหาอะไร
ผมอยากเรียนเนื้อหาแบบ Hack Your Mind โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ Mind Mapping และ Soft Skill ต่างๆเช่นการนำเสนอผลงาน รวมไปถึงการพัฒนาบุคลิกภาพต่างๆ เพื่อจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังอยากให้มีวิทยากรจากภายนอกมาบรรยายมากๆ และมีการเรียนนอกสถานที่บ้าง เพราะทำให้มีชั้นเรียนความน่าสนใจและ ยังทำให้นิสิตได้รับมุมมองที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป และนอกจากนี้อยากให้มี

7. ถ้าท่านเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ ท่านจะตั้งคำถามอะไรและจะตอบอย่างไร
Q: ท่านคิดว่ามีอะไรบ้างที่ควรปรับปรุงในวิชานี้
A: ผมคิดว่าสิ่งที่ควรปรับปรุงคือความเชื่อมโยงของเนื้อหาวิชา เหมือนกับว่าผมยังเชื่อมโยงของเนื้อหาที่เรียนได้ไม่ค่อยเท่าไหร่ เหมือนจิ๊กซอร์คนละกล่องเอาผสมกัน ในแง่ความหลากหลายนั่นดีมากๆเลยครับผมชอบครับ ต่อออกมาได้ภาพที่แปลกใหม่ น่าสนใจ แต่มันก็ค้างๆคาๆเหมือนกับว่าจิ๊กซอร์มันยังต่อไม่เสร็จ ชิ้นนี้ก็หาที่ลงไม่ได้ ตรงนั้นก็ยังแหว่งอยู่ หากมีการพูดถึงภาพโดยรวมมากขึ้นน่าจะเชื่อมโยงได้ดีกว่านี้นะครับ แต่น่าแปลกที่ว่าขนาดจิ๊กซอร์ที่ต่อไม่เสร็จ ผมก็สามารถนำจิ๊กซอร์นี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำได้ตลอดเวลา ขอขอบคุณอาจารย์มากๆครับ