29/7/52

โอ้ว! MFEC เรียนรู้จากประสบการณ์


วันนี้ในวิชา Entrepreneur นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้วิทยากรอย่าง
พี่ศิริวัฒน์ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท Mfec มาบรรยายในวันนี้
พี่ศิริวัฒน์ก็เป็นรุ่นพี่ cp เราเหมือนกัน แต่เมื่อ 20 ปีก่อนโน้นนเลย

วันนี้พี่เค้าได้มาเล่าประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบกิจการให้ฟัง
ซึ่งแน่นอนล่ะว่าหาฟังที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
เพราะนอกจากว่าจะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ IT ของไทยที่ประสบความสำเร็จ
พี่เค้ายังให้ความรู้แก่น้องๆแบบไม่มีกั๊กเลยทีเดียว

นี่คือบางท่อนบางส่วนที่ผมหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะครับ

software house ในไทย
70% ไม่โต ไม่ตาย สู้ๆทำไป
29% เจ๊ง
1% รอด


ไม่มีใครที่แข็งแรงพอที่จะร่ำรวยจาก IT ที่จะปกป้องผลประโยชน์ได้
ไม่มีเจ้าใหญ่ในมืองไทย ตลอด 20 ที่ผ่านมา
คนที่ใหญ่ที่ drive industry คือ supplier (ibm.dell,...)
ในตลาดจะเป็นแบบซื้อมาขายไป
เราไม่มี R&Dของตัวเอง

1 อ่านตลาดให้อ่าน
2 วาง business model ให้ถูก


เริ่มต้นจะทำ อย่าคิดแข่งกับเจ้าใหญ่ ตาย!!
เหมือนผลิตไฟท้ายขาย แทนที่จะผลิตรถขาย


industry นี้มันขึ้นอยู่กับคน ไม่ใช่เงิน
ดูอย่างง่ายๆ เด็กจุฬา smart สุด
แต่ ROI ต่ำสุด life time cycle ต่ำสุด
และมี moral hazard สูงสุด
(สามารถขึ้นเงินเดือนตัวเองได้ เปลี่ยนที่ทำงานบ่อยๆ)


หลายๆอย่างที่เราเรียนในมหาลัยไม่ได้ช่วยให้เราสร้างธุรกิจ


Basic สุดของการสร้างธุรกิจคือ process การหาเงินเข้า


คิดดูเขมรมีเงินเท่าเรา Technology เท่าเราเลย
แต่เรามีเงินเท่าญี่ปุ่นก็ได้ไม่เท่า


ทำบริษัทอะไรก็ตาม key ของมันคือต้องโต
ซื้อมาขายไป เป็นอะไรที่ prove มาแล้วว่าโตแน่นอนในประเทศไทย


key ในการสำเร็จอีกอย่างคือ เลือก partner มี feature
-ความเป็นเพื่อนมาก่อน เงินทองมาทีหลัง แต่โตมาก็จะกลับก่อน
แล้วถ้ามีเงินทอง ความเปนเพื่อนก็กลับมา
ถ้าเลือกจังหวะไม่ดีความเปนเพื่อนก็จะหายไป
-ไม่เอาเปรียบใคร และก็ไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ >> เสี่ยง คนดีไหม?
ที่จริงแล้วคนเหล่านั้นคือคนที่ไม่อยากให้ใครมาเอาเปรียบ และพร้อมที่จะเอาเปรียบตลอดเวลา
1 หาใครก็ได้ที่มีความสามารถใกลเคียงกัน (แค่สนิทกันไม่พอ)
2. ต้องหาคนที่มีความสามารถในส่วนที่เรายังขาด
3. เลือกคนดี ยังไงก็ต้องพากันเจริญ
คนดี VS คนเก่ง เลือกคนดีนะ
4. คนที่ทุ่มเทเต็มที่ ไม่ก็ professional

ทำธุรกิจกับเพื่อน ไม่มี leader ที่ชัดเจน พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ


เงินหน่ะมีเพียบ คนที่มีเงินและไม่พอใจกับดอกเบี้ยมีมาก
เขียน bussiness plan ให้ได้


feature ที่อยากเปนผู้ประกอบการ
ไม่ใช่ความฉลาด ไม่ใช่การศึกษา
ที่ต้องมีคือความมุ่งมั่น ถ้าไม่มีทำให้มันมีก่อน
นี่แหละคือจุดพร่องของ DNA คนไทย
ความฝันนั้นมีไม่ต่างกันหรอก แต่ความมุ่งมั่นต่าง!!
คนที่ฉลาดมีจุดอ่อนที่ตรงนี้แหละ


ถ้าเปิดบริษัทจะเจอ trap อะไบ้าง
1. ส่วนผสมไม่ครบ ถ้าไม่ครบยังไงก็ไม่ไปไหน หาใน model อะไรก็ได้
แมทช์ให้ได้ อย่าพยายามในอะไรที่เราไม่ถนัด
2. technology trap ลำพัง rechnology convert เปนเงินไม่ได้
ต้องมี bussiness knowledge ภ้าจาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดดไม่ได้


feature ของคนที่ทำบริษัทแล้ว success
1. คน ถ้าเลือกผิด เจ๊งไปแล้ว 70%
แล้วจะหาได้ยังไงล่ะ.... ต้องมี leadershipขั้นสูงเลยนะถึงจะหามาได้
2. coperate culture ต้องถูกต้อง ต้องหาลายเซ็นต์ของตัวเองให้ได้
อย่าทำแล้วมั่ว อะไรก็ทำ หาลายเซ็นต์ให้เจอ สร้างเป็น culture
แล้วเอาคนที่มีลักษณะเหมือนกันมารวมกัน


ต้องหา บ.คู่ค้า > 1 เพื่อลดความเสี่ยง
เพราะธุรกิจทาง IT มันล้มง่าย


คนเรามีเวลาที่ทำงานหนักในชาตินึง 7 ปี
ถ้ามากไปกว่านั้นมันจะมีความรับปิดชอบ แล้วจะทำงานหนักไม่ได้

อย่าเชื่อเรื่องโชตชะตา เชื่อ planning + Implementation


ผู้ประกอบการชอบคนที่พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
แล้วดึงศักยภาพสูงสุดออกมา


ความรู้มี 3 แบบ
ความรู้แท้
ความรู้เท็จ
ความรู้เทียม


You never know how high you can fly

ต้องขอขอบคุณพี่ศิริวัฒน์มากๆเลยนะครับ
ผมยกย่องในตัวพี่มาก
ขอบคุณมากๆครับ

i3all บอล

21/7/52

Cisco - P'Por Quote

พอดีไปคุ้ยๆรูปในโทรศัพท์มือถือไปเจอรูปนี้เข้า
เลยเก็บเอามาเล่าใน Blog ละกันนะครับ

เรื่องมันเกิดมาได้เกือบเดือนแล้วล่ะ
ในคาบเรียนวิชา Entrepreneur ได้มีวิทยากรมาบรรยาย
ซึ่งก็คือพี่ปอ นรา Channel System Engineer จาก บ.Cisco

พี่ปอได้ฝากข้อคิดอะไรให้มากมายทั้งความรู้ไอเดียทางธุรกิจจาก Cisco
เทคโนโลยีใหม่ๆ และแนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคต รวมถึง
เทคนิคการสมัครงาน และการใช้ชีวิตแบบพี่เค้าฉบับประสบการณ์

วันนี้เราขอหยิบเอาคำพูดของพี่ปอบางประโยคที่เด็ดๆ เก็บลง Blog ไว้ละกันนะ

... ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เป็นตัวเรานั้นไม่ดีหรอกนะ
แต่เราต้องแต่งตัว เปลี่ยนแปลงอะไรเล็กน้อย
เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่คนอื่นต้องการ ...


... ต้องแตกต่าง สร้างความต่างให้ได้ ...




ที่ประทับใจผมที่สุดเลยคือประโยคนี้ครับ

... ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้
แค่ทำมันมาทุกอย่างแล้ว
ก็ยังทำไม่ได้!!

สิ่งเดียวที่ยังขาดคือ
"เวลา"
จงทำมันต่อไป ...

โอ้วว ทำไมมันช่างคมคายและมีแง่คิดมากมาย
ฟังแล้วรู้สึกมีกำลังใจและฮึกเฮิมขึ้นมา

"ผมจะทำมันต่อไป"

สู้ๆนะตัวผมเอง

i3all บอล

20/7/52

ปล่อยแสง

(หลาย)วันก่อนได้มีโอกาสได้ไปเดิยข้างหน้าห้างมาบุญครอง
มีงานแสดงโชว์ผลงานดีๆชื่องานเท่ๆว่า
"ปล่อยแสง"

ในงานเป็นลักษณะ Outdoor โดยจะจัดแสดงผลงานต่างๆ
เย้ยขายไอเดียแปลกใหม่และสร้างสรรค์
จัดแสดงในช่องสี่เหลี่ยมๆแบบที่เห็นดังถาพด้านล่าง

ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกก่อนว่า ภาพเหล่านี้ที่ถ่ายมา
ไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของผลงานนะครับ
หากเจ้าของผลงานเห็นว่าไม่เหมาะสม
แจ้งทางบล็อคให้ผมลบออกได้นะครับ

มาเริ่มที่ผลงานแรกที่ผมชื่นชอบดีกว่าครับ
ให้ทายว่าคืออะไร??
หน้าของมันก็คงเป็นกระดาษลังธรรมดาๆหรือเปล่า
เปล่าเลย ที่จริงแล้วมันคือ...


เฟอร์นิเจอร์ลดโลกร้อนสำหรับเด็กนั่นเอง!!
ใช้งานจริงได้ด้วยนะครับ
แถมเด็กๆยังสามารถลงสี ตกแต่งเฟอร์ของเค้าเองได้อีกด้วย


มาดูกันต่อเลยครับ


อาจจะดูว่าเป็นแค่เครื่องเขียนธรรมดา
ไม่เห็นมีอะไรเลย
งั้นดูดีๆนครับ


เริ่มเห็นอะไรไหม?


เพียงใส่ไอเดียลงไปเล็กน้อย
เครื่้องเขียนธรรมดาก็มีมูลค่าเพิ่มแล้ว
ว้าววว!!


เห็นได้ว่าความคิดสร้างสรรค์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในทุกๆเรื่องจริงๆ
แค่เปลี่ยน packaging design เท่านั้น เครื่องเขียนก็ดูมีราคาขึ้นเยอะ


ผลงานต่อไปนะครับ

"ใจเขา ใจเรา"




เป็นงานศิลปะที่มีชื่อว่า "ใจเขาใจเรา"
ที่ต้องการแสดงให้เห็นถึง ความรู้สึกของสัตว์ต่างๆ ผ่านทางภาพถ่าย
คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ
ดูแล้วเข้าใจง่าย ความหมายชัดเจน


อีกผลงานนึงที่ผมชื่นชอบนะครับ


เป็นการนำขยะอิเล็กโทรนิกส์มาทำเป็นงานศิลปะ เพื่อแสดงให้คนได้รับรู้ว่า
ขยะอิเล็กโทรนิกส์เป็นอีกปัญหานึงของสังคมไทย ที่หลายคนมองข้ามไป
เห็นได้ว่ามันเกี่ยวข้องโดยตรงกับคนที่ทำงานด้านคอมพิวเตอร์เลยนะ
เพราะเราก็เป็นส่วนนึงของปัญหานี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วจะแก้มันอย่างไรดีล่ะ
งานศิลปะชิ้นนี้ไม่ได้บอก แต่เราคงต้องคิดกันเอาเอง??


หวังว่าคงจะเพลิดเพลินกันนะ
เดี๋ยวคราวหน้าเจองานอะไรจะนำมาฝากกันอีก

i3all บอล

17/7/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(6) O Captain! my Captain!

วันนี้ในคาบเรียน Innovative Thinking

ได้ชมภาพยนต์เรื่องนึง ชื่อเรื่องว่า
"Dead Poets Society"
หากดูแล้วไม่คิดอะไรอาจคิดว่า
ก็เป็นแค่หนังธรรมดาๆเรื่องนึง
ที่อาจเรียกน้ำตาผู้ชมในตอนจบได้
แต่หากดูแล้วคิดตามแล้วละก็
จะพบได้เลยว่า เป็นภาพยนต์ที่ให้ข้อคิดเรามากมายเลยทีเดียว
ทั้งในแง่่ของความคิอนอกกรอบ
ได้เห็นเทคนิกต่างๆเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ที่ได้เรียน
ในภาพยนต์เรื่องนี้อยู่หลายๆฉาก
รวมไปถึงฉากที่เล่าเรื่องแบบสัญลักษณ์ ก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

วันนี้กลับมาบ้านแล้ว
ผมเลยติดลม ขอนั่งชมอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ต่อ

ส่วนใครที่อยากรู้จักหนังเรื่องนี้มากขึ้นให้ไปดูได้เลยที่นี่



และฉากนี้ครับ คือฉากที่ผมประทับใจที่สุด
ทำให้ผมคิดได้ว่า
"เราน่าจะเปลี่ยนมุมมองของเราในหลายๆเรื่องนะ"

http://www.creativescreenwriting.com/csdaily/csdart/images/2006-01-Jan/Dead%20Poets%20Society%20-%20Oh%20Captain%20my%20Captain%20(350w).jpg

O Captain! my Captain! ฝันดีครับ

i3all บอล

ปล. ใครอยากดูหนังแบบเต็มๆหาดูได้จาก youtube นะครับ
ลองหาๆดู มีคนอัพไว้แบบตั้งแต่ต้นเรื่องจบจนเลย แต่แบ่งไว้หลายคลิป
http://www.youtube.com/watch?v=1vK9FDLaqHg&feature=related
ตามลงค์ข้างบนไปได้เลย แต่ไม่มี sub นะครับ

16/7/52

(ข่าว) เด็กสลัม... เจ้าของเกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาฯ


วันนี้มีข่าวมาฝากครับพอดีไปเจอ link มาจากพันทิป
น่าจะเป็นประโยชน์แก่พวกเรานะ อย่างน้อยจะได้มีแรงฮึดสู้ต่อเมื่อเวลาที่ท้อ

++++++++++++++++++++++++++++++++


"การศึกษาและความรู้เท่านั้นที่จะช่วยสร้างทักษะชีวิตและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม"
....น้ำเสียงยืนยันที่หนักแน่นของ "เล็ก" น.ส.พรทิพย์ ปานอินทร์ วัย 23 ปี อดีตบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง จากคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเป็นอีกคนที่พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า เมื่อทุกคนมีการศึกษาก็จะได้รับการยอมรับจากสังคมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้

สาวเก่งคนนี้เกิดและเติบโตที่ชุมชน 70 ไร่ ในชุมชนคลองเตย พื้นที่ที่คนจากสังคมภายนอกมองว่าเป็นสลัม คุณภาพชีวิตต่ำ ขาดโอกาสทางการศึกษา รวมทั้งเป็นแหล่งมั่วสุมของยาเสพติด แต่เธอก็พิสูจน์แล้วว่าหากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงใช้โอกาสทางการศึกษา ที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จได้

เล็กย้อนเล่าถึงชีวิตครอบครัวและการเรียนว่า ครอบครัวฐานะยากจน มีเพียงพ่อ (นายแผ้ว อายุ 61 ปี) คนเดียวที่ทำงานเป็นพนักงานบรรจุหีบห่อของบริษัทแห่งหนึ่งแถวรามคำแหง ส่วนแม่ (นางบุญสาน วัย 63 ปี) เป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานเพราะมีโรคประจำตัว พี่ชายและพี่สาวจึงมีโอกาสเรียนแค่ชั้น ม.3 แล้วออกมาหางานทำ เพราะทางบ้านไม่มีเงินส่งให้เรียน

"เล็กก็เกือบจะไม่ได้เรียน แต่โชคดีได้ทุนจากมูลนิธิดวงประทีป และเรียนค่อนข้างดีจึงได้เรียนสูงกว่าพี่ๆ หลังจากเรียนจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนวัดธาตุทอง ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.94 แล้วสอบเอ็นทรานซ์ติดที่คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชีวิตในชุมชนยอมรับว่าลำบาก วันไหนฝนตกหนักน้ำก็ท่วมซอยต้องเดินลุยน้ำ หากวันใดกลับบ้านดึกต้องให้พ่อออกมารับที่ปากซอย เพราะกลัวคนติดยาเสพติดมาทำร้าย"

เธอเล่าต่อว่า "ตอนเรียนที่จุฬาฯ ค่อนข้างหนักมาก เพราะทุกคนก็เรียนเก่งๆ กันทั้งนั้น ตลอดเวลาที่เรียนไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เกียรตินิยม หวังเพียงแค่เรียนจบได้รับปริญญาให้พ่อแม่ชื่นใจก็พอแล้ว ซึ่งช่วงสอบจะอ่านหนังสือหนักมากเกรดจึงออกมาดีและเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.86 ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง รู้สึกดีใจมากๆ ที่เด็กสลัมอย่างเราสร้างความสำเร็จให้กับชุมชนได้ ตลอดเวลาที่เรียนไม่ได้ปิดบังว่ามาจากสลัมซึ่งเพื่อนๆ ที่คณะก็ไม่ได้รังเกียจ ถือว่าโชคดีมากๆ ที่มหาวิทยาลัยให้ทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทจนถึงปริญญาเอก ซึ่งครอบครัวสนับสนุนให้เรียนเต็มที่"

ส่วนเคล็ดลับการเรียนเก่งนั้น เล็กบอกอย่างถ่อมตัวว่า ผลการเรียนออกมาดีนั้นไม่ได้มีเคล็ดลับอะไร ตลอดเวลาที่เรียนไม่เคยไปกวดวิชาที่ไหน เพราะต้องช่วยครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่าย จะตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้เข้าใจ หากไม่เข้าใจจะรีบถามอาจารย์ทันที พอกลับถึงบ้านก็ไปทบทวนทำความเข้าใจอีกรอบ และช่วงสอบตั้งใจอ่านหนังสือและจะไม่กดดันตัวเองเวลาสอบ แต่จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด

ทุกวันนี้เธอยังคงมุ่งมั่นกับการเรียนปริญญาโททุกวัน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เล็กจะไปทำงานที่คลีนิคย่านรามคำแหง เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เล็กบอกว่า ไม่รู้สึกเหนื่อยที่ต้องเรียนและทำงานไปพร้อมๆ กัน เพราะเมื่อมีโอกาสทางการศึกษาแล้วต้องทำให้เต็มที่ แต่ขณะเดียวกันเราจะสบายโดยไม่ช่วยครอบครัวเธอก็ทำไม่ได้

"เล็กตั้งใจว่าหลังจากเรียนจบปริญญาเอก อาจเป็นอาจารย์หรือไม่ก็เป็นนักวิจัยช่วยพัฒนาประเทศชาติต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจไว้จะทำให้เป็นจริงให้ได้คือ สร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัว เพราะบ้านที่อยู่ในชุมชน 70 ไร่ เป็นที่ดินของการท่าเรือต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละ 60 บาท และไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกไปเมื่อไหร่

"เชื่อว่าคนในชุมชนหรือสลัมต่างจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และได้รับการยอมรับจากสังคมภายนอก ทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน เพราะการศึกษาจะทำให้คนมีความรู้ สามารถเข้าถึงโอกาสต่างๆ ทั้งการประกอบอาชีพ รู้จักแยกแยะสิ่งถูกผิด ที่สำคัญเมื่อทุกคนมีการศึกษาแล้วต้องไม่ลืมนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมากลับ มาพัฒนาคนและชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น" เล็ก ทิ้งท้าย

"โอกาสทางการศึกษา" สำหรับบางคนอาจมีมากมาย แต่สำหรับ "เล็ก" เธอคือต้นแบบของเยาวชนในสลัมที่ใช้โอกาสทางการศึกษาที่ได้มาแม้จะน้อยนิด แต่ก็พิสูจน์ตัวเองให้สังคมยอมรับในความสามารถของเธอได้

จาก นสพ.มติชน วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ได้อ่านข่าวนี้แล้วมันช่างแทงใจดำเราซะจริงๆ
เรามีโอกาสอยู่ในมือแล้ว แต่ทำไมใช้มันไม่คุ้มค่าเลย
อดีตก็ช่างมันไปละกัน แต่เวลาอีก1ปีที่เหลือเราจะต้องใช้มันให้คุ้มให้ได้
อ้อ และขอเป็นกำลังให้พี่เล็กด้วยนะครับ ขอให้ฟันฝ่าทุกอุปสรรคให้ได้ด้วยดี

i3all บอล

6/7/52

CLiP "สติ"


คลิปแรกข้างบนนี้เป็นคลิปเกี่ยวกับโจรขโมย iPhone @ เมเจอร์รัชโยธิน
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของการมีสมาธิแต่ขาดสติ
ในคลิปเป็นเจ้าของ iPhone กำลังมาทำธุรกรรมทางการเงินบางอย่างที่ธนาคาร
ขณะที่เจ้าตัวกำลังมี "สมาธิ" กับการเขียนใบฝากถอน
กลับขาด"สติ" ไปว่าได้วางโทรศัพท์ไว้ที่ตรงไหน
จนเกิดเป็นเหตุการณ์การโจรกรรมดังในคลิปนี้


คลิปนี้เป็นคลิปที่มีชื่อว่า 包青天穿幫-展昭=??
แต่ที่ผมรู้คือ
包青天 = เปาบุ้นจิ้น
穿= สวมใส่
幫= ผู้ช่วย
展昭= จั่นเจา
ซึ่งแปลรวมๆน่าจะแปลว่า ผู้ช่วยเปาบุ้นจิ้น - จั่นเจา
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น!!
ที่จริงคลิปนี้จะแสดงให้เห็นประโยชน์ของ"สมาธิ"และ"สติ"ของนักแสดงในเรื่อง
ในคลิปเป็นฉากที่จั่นเจากำลังจะเก็บดาบ แต่กงซุนเช่อกลับเดินมาชนพอดี
ทำให้ดาบนั้นไม่สามารถเก็บลงฝักดาบได้
ลำพังแค่การแสดงละคร นักแสดงจะต้องใช้"สมาธิ"จำบทและ Blocking มากพอแล้ว
เมื่อเกิดปัญหาผิดพลาดแบบนี้นักแสดงที่ดีควรจะมี"สติ" ไม่วอกแวกอีกด้วย
ซึ่ง"เมื่อสติมาปัญญาก็เกิด" ทำให้เขาสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ดังในคลิป

5/7/52

Panda


เป็นข่าวดังอยู่ขณะนี้ที่แม่แพนด้า


หลินฮุ่ยได้ให้กำเนิดลูกและได้ให้คนไทยช่วยกันตั้งชื่ออยู่นั้น


(
ซึ่งก็ไม่มีใครถามมันบ้างเลยว่าแม่เค้าอยากให้ตั้งให้หรือเปล่า )


แต่จะมีใครรู้ไหมว่า
……….

ขณะที่เจ้าหลินฮุ่ยกะลังดูแลลูกน้อยอยู่นั้น


เจ้าช่วง ช่วง ตัวพ่อมันไปอยู่ไหน


.
.

.

.


วันนี้เรามีคำตอบมาให้ครับ

.

.


.

.




ขอบคุณ FW Mail จาก Pat นะครับสำหรับที่มา

4/7/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(5) อาหารค่ำ + Mind Mobile Photo

แต่นแต๊น!!

วันนี้เราเรียนเทคนิคการหาไอเดียใหม่
จะว่าไปก็ไม่ยากนะครับ แค่เราปรับอะไรบางอย่างจากที่เคยๆทำกันมา
ปรับเพียงเล็กๆน้อยๆ แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เราคาดไม่ถึง
คล้ายๆกับที่เคยได้เรียนมา "ไคเซ็น" นั่นแหละ
การปรับที่ผมว่าก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ
มันคือการปรับนิสัยใหม่ในการตั้งคำถาม

เช่นจากการคำถามที่ว่า
"วันนี้เราจะทำอะไรกินดี"
เราก็จะได้คำตอบเป็น "ทอดไข่กินละกัน ไม่ก็ต้มมาม่ากิน"
เห็นว่าทำไมถึงช่างซ้ำซากจำเจจริงๆ
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น
"วันนี้เราจะทำอะไรกินบ้าง"
คำตอบที่ได้ก็จะมากขึ้นเช่น ข้าวไข่เจียว ไข่ตุ๋น มาม่าต้ม มาม่าแห้ง
ยำมาม่า ยำปลากระป๋อง ต้มจืดปลากระป๋อง ฯลฯ
เห็นได้ว่าเกิดคำตอบใหม่มากมาย ซึ่งในเย็นวันนี้สุดท้ายแล้วผมก็ได้กิน
................. อะไรขออุบไว้ก่อน

อีกเทคนิคหนึ่งที่ได้เรียนวันนี้คือ
การแสดงรายการคุณลักษณะ (Attribute Listing)
เช่นวันนี้เราจะทำอาหารเย็นกินง่ายๆ
วัตถุดิบหลักมีอะไรบ้าง "ข้าวเปล่า ขนมปัง มาม่า"
เนื้อล่ะ "ไข่ หมูยอ หมู ไส้กรอก ปลากระป๋อง"
เครื่องปรุงรส "ซอสซีอิ้วต่างๆ พริกเกลือ มะนาว พริกแห้ง น้ำพริกเผา"
วิธีการทำ "ต้ม ผัด แกง ทอด อบ หุง อุ่น ตุ๋น นึ่ง ยำ รมควัน"
ก็ให้ลองลิสต์รายการต่างๆมาเรื่อยๆ แล้วลองเลือกวิธีที่เหมาะสมดู

จากการที่ผมได้ใช้ 2 เทคนิคที่กล่าวมาทำให้ได้อาหารเย็นฝีมือผมเองคือ
"ยำมาม่าปลากระป๋องหยูยอราดข้าว"
รสชาติอาจจะดูตลกๆหน่อย (พ่อครัวมือใหม่ก็งี้)
แต่ก็เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ที่ได้จากเทคนิคในคลาสเรียนนะครับ ^^
นับว่าการเรียนวิชานี้ทำให้ไม่อดตายจริงๆ 55+

ไปล่ะครับ สวัสดี

i3all บอล

ปล. ก่อนจากไปมีภาพบรรยากาศกิจกรรม Mind Mobile ในคลาสเรียนมาฝากกัน
ทั้งโทรศัพท์ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ที่จะสร้างในอนาคต
และโทรศัพท์ในชีวิตปัจจุบัน ไปล่ะครับ ฝันดีทุกคนที่หลงมา












3/7/52

Rain Role Model ด้านความพยายามและความอดทน

ประวัติ
"เรน" มีชื่อจริงว่า จุง จีฮุน มีฉายาไมเคิล แจ๊กสัน แห่งเอเชีย เกิดวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2525 สูง 184เซนติเมตรเลือดกรุ๊ปโอมีน้องสาวหนึ่งคน

ตอน เด็กครอบครัวมีปัญหาพ่อล้มละลาย เรนต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ แม่ที่ดูแลบ้านคนเดียวก็หนีไปตอนที่เขาเข้าวงการบันเทิง ซึ่งตอนนี้นเรนแสดงเป็นตัวประกอบตลอด จนกระทั่งเป็นแดนเซอร์ เรนฝึกซ้อมอย่างหนักบนเวทีเต้นรำที่โรงเรียน ในสายตาเพื่อนร่วมชั้น เรนเป็นคนที่ดูโดดเด่นมาก

เรนเคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นคน เงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนที่สนิทจะซนๆ อยู่บ้าง ผู้หญิงในสเปคต้องทำกับข้าวเก่ง อบอุ่น ใจดี แล้วก็ทำให้สบายใจ ส่วนผู้หญิงยี้คือคนที่ทำท่าว่าฉันสวยทั้งๆ ที่จริงไม่สวย

เป็น นักบาสเกตบอลโรงเรียน เรียนเทควันโด แถมยังชอบว่ายน้ำ ปัจจุบันเป็นนักศึกษาวิทยาลัย Kyung Hee วิชาเอกศิลปะดนตรีสากล สำหรับแนวดนตรีที่ชอบเป็นพิเศษคืออาร์แอนด์บี ฮิพฮอพ และฟังกี้ ชอบสีแดง-ดำ ศิลปินชื่นชอบ เจเน็ต และไมเคิล แจ็คสัน อัชเชอร์ และปาร์ก จิน ยัง ฤดูโปรดคือฤดูหนาว ยิ่งถ้าหิมะตกล่ะก็ เรนจะต้องออกไปเล่นสโนว์บอร์ด เพราะคลั่งกีฬาชนิดนี้เป็นชีวิตจิตใจ

พรสวรรค์ คือการแสดง เต้นรำ งานอดิเรก ฟังเพลง ดูหนัง สะสมรองเท้าและเสื้อผ้า เรนชอบดูหนังฮ่องกงมาก โดยเฉพาะหนังตลกของโจวซิงฉือ นอกจากนี้ ยังชอบเข้าห้องสมุด หรือร้านหนังสือเพื่อติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแฟชั่น เรื่องนี้เจ้าตัวเผยเองว่านอกจากดนตรี ก็มีแฟชั่นนี่แหละที่ชื่นชอบเอามากๆในห้องนอนของเรนจะเต็มไปด้วยนิตยสาร แฟชั่นและตู้เสื้อผ้า
วางเรียงกันจนแน่นห้องไปหมด แต่ปกติเขาชอบแต่งตัวสบายๆ เน้นเสื้อยืดกางเกงยีน

ด้าน การแสดง ผลงานของเรนเริ่มจากซิทคอม Orange ปี 2545 ต่อด้วย Sangdoo, Let"s Go To School ในปีเดียวกัน และกระหึ่มใน สะดุดรักที่พักใจ หรือ Full House กับนางเอก ซอง เฮเคียว ปี 2004 ซึ่งขยายชื่อเสียงของทั้งคู่ไปทั่วเอเชีย ส่วนผลงานเรื่องใหม่คือ A Love To Kill หรือ This Detestable Love ของสถานีเคบีเอสเช่นเดิม คู่กับนางเอก ชินมินอา

เรน เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นแดนเซอร์ให้กับ "ปาร์ค จี ยุน" ของค่าย JYP Entertainment ก่อนเจ้าของค่า "ปาร์ค จิน ยอง" จะเห็นแววและชวนเขาทำอัลบั้มของตัวเองในปี 2002 ผลงานชุดแรก "Bad Guy" ทำให้เขาโด่งดังระเบิดไปทั่วเกาหลี ( จนมีฉายาไมเคิล แจ๊กสัน แห่งเอเชีย ) ผลงานถัดมาของเขาคือ "First Drop" (Overseas Version) และได้มีผลงานตามมาอีกเรื่อยๆจนปัจจุบัน

ความสำเร็จ

YearAwards
2002
  • MBC Top 10 Artist Award
  • KBS Music Award - New Artist, Most popular Singer Award by producers
  • SBS Music Award - New Artist
  • SBS Seoul Gayo Award - New Artist
  • M.NET Music Video Festival - New Artist
  • KMTV Korea Music Award - New Artist
  • Golden Disc Award - New Artist
2003
  • M.NET Male Artist Award
  • KMTV Male Artist Award
  • MBC Top 10 Artist Award
  • KBS Male Artist Award
  • SBS Male Performer of the Year Award
  • KBS Rookie, Popularity, Best Couple (with Kong Hyo Jin), Netizen Actor Award of the Year
2004
  • KBS Best Actor Award
  • MBC Top 10 Artist Award
  • KBS Artist of the Year
  • SBS Male Performer of the Year Award
  • Popularity Award of TV Part (The Baek Sang Arts Grand Award)
  • KBS Best Couple Award (with Song Hye Kyo)
2005
  • MTV Asia Awards: Favorite Artist Korea
  • Channel [V] Best Single Award
  • MTV Video Music Awards Japan: Best buzz Asia from Korea
  • MTV China: CCTV Mandarin Music Honors Award
  • Andre Kim Awards: Best Star
  • KBS Drama "Love To Kill" or "이 죽일놈의 사랑"
2006
  • Time Magazine's 100 Most Influential People Who Shape the World Award
  • M.NET Male Artist Award
  • Asia TV Awards: Best Movie Style [A Love to Kill]
  • MKMF Mnet: Best Solo Male Artist
  • SBS Gayo Daejun 2006: Bonsang
2007
  • MTV Asia's 'Artist of the Month' [January]
  • 43rd Baeksang Arts Awards: Best New Actor for "I'm a Cyborg, But That's OK"
  • Hallyu Award
  • 44th DaeJong Film Awards: Overseas Popularity Award
  • 'Best Asian Male Artist' in Macau, China
  • People's Most Beautiful People list "First-Time Beauties 2007"
2008
  • Bonsang Golden Disk Award
  • Style Icon of the Year

จุดพลิกผัน

จากการที่เรนเป็นเด็กกำพร้า เรนได้ใช้จุดนี้เป็นแรงผลักดันในการพยายามพัฒนาตนเองมากกว่าจะจมอยู่กับอดีตที่แก้ไขไม่ได้ บวกกับความอดทนและขยันฝึกซ้อมจนทำให้เขาเป็นที่ยอมรับในฐานะ Superstar ของ Asia

Quote

ถ้าไม่พยายาม ไม่อดทน และไม่ถ่อมตัว ชีวิตก็จะไม่ประสบความสำเร็จ



เรน เป็นหนึ่งในแม่แบบให้ผมในด้านความพยายาม

เรน เป็นหนึ่งตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากความอดทนและการฝึกฝน

เป็น My Role Model ของผม


i3all บอล

ขอขอบคุณแหล่งที่มา

http://rain1412.exteen.com/20070324/rain-bi-1

http://en.wikipedia.org/wiki/Rain_%28entertainer%29

1/7/52

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต Role Model ด้านศาสนา


ประวัติ


แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต นามสกุลเดิม คือ "ปัญญศิริ" เป็นคนชาวบางปะหันจังหวัดอยุธยา โดยกำเนิดมีชื่อเล่น "ตุ๊กตา" เป็นลูกสาวคนเล็กของพี่น้องจำนวน 2 คน เติบโตมาท่ามกลางญาติพี่น้องหญิงล้วน 5 คน
เมื่ออายุได้ 15 ปี ชีวิตได้เปลี่ยนไป เมื่อสูญเสียมารดา ทำให้เธอตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนต่อระดับปริญญาตรี และได้เข้าสู่วงการนางแบบ และได้เป็น “รองมิสออด๊าซ” ควบรางวัลนางงามบุคลิกภาพ เธอโลดแล่นเป็นดาวเด่นของสังคม
จนอายุล่วงเลยมาที่ 27 ปีแม่ชีศันสนีย์รุ้สึกว่า ชีวิตนี้ไม่สุขสงบ ไม่สบาย เหมือน ดังเช่นตอนที่เป็นเด็กๆ แม่ชีจึงตัดสินใจหันหน้าเข้าพึ่งพาพระพุทธศาสนา ณ วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิตร
เมื่อได้เดินบนเส้นทางธรรม ในร่มธรรมนำทางชีวิตใหม่ ในวิถีแห่งธรรมแม่ชีศันสนีย์จึงเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการเผยแพร่ธรรมะ ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้คน ท่ามกลางความบีบรัดการใช้ชีวิตในสังคม ที่สลับซับซ้อนมากขึ้นทุกที
ให้ธรรมะนำหน้า แล้วแม่ก็จะเป็นตัวตนเล็กๆ เหมือนเดิม คนจะรู้จักแม่มาก ก็เพราะแม่ทำงานมาก แต่ตัวตนแม่ต้องเล็กลงนะ แล้วงานจะยิ่งใหญ่ นั่นคือเป้าหมาย และคือการอุทิศชีวิตของแม่ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต


ความสำเร็จ

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กับ รางวัลแห่งเสียงอันศักดิ์สิทธิ์

“กับรางวัลที่ได้รับ ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าเราเชื่อในกฎของกรรม เชื่อในกฎของธรรมชาติ ว่าทำอะไรได้อย่างนั้น รางวัลของการทำงานจริง ๆ ก็ย่อมจะเป็นความสุขที่ได้จากการทำงาน ส่วนการได้รับรางวัลที่ผู้อื่นมอบให้ก็เป็นเหตุปัจจัยที่ควรอนุโมทนาในการทำงานอย่างมีความสุขของคนแต่ละคน เพราะฉะนั้น การให้รางวัลชีวิต ก็คือการรักษาความสุข สนุกอยู่ในงานของเรา และนั่นก็เท่ากับว่า เราได้รางวัลทุกวันอยู่แล้วรางวัล Spiritual Leadership Award ที่ข้าพเจ้าได้รับในครั้งนี้ ไม่ใช่ของผู้หนึ่งผู้ใด หากแต่เป็นของชาวพุทธทุกคน เพราะรางวัลนี้จะถูกนำไปสนับสนุนการทำงาน ‘สาวิกาสิกขาลัย’...ขอให้โลกนี้มีธรรมเป็นมารดา...ซึ่ง เป็นการศึกษาที่ใช้การทำงานเป็นฐานแห่งการภาวนา ใช้อริยมรรคมีองค์แปดเป็นหนทางที่จะทำให้เราเดินอย่างไม่หลงทาง โดยมีปัญญา ศีล และสมาธิ ประคองใจให้เราไปถึงเป้าหมาย ซึ่งก็คือการมีชีวิตที่สงบเย็น มีวิถีชีวิตประจำวันที่เดินทางไปกับคนข้างหน้าเราอย่างคนที่มีมรรคจิต มรรคภาวนา ทำให้ทั้งเราและเขาพ้นทุกข์ร่วมกัน และมีชีวิตอยู่อย่างสงบเย็นและเป็นประโยชน์

และด้วยเหตุที่วิถีชีวิตอันจะได้มาซึ่งรางวัลนี้ คือ วิถีชีวิตของชาวพุทธ หน้าที่ของชาวพุทธคือการดูแลจิตใจ ขัดเกลากิเลสในจิตใจของเรา ให้เรารู้ตื่นและเบิกบานในขณะที่ทำหน้าที่ โลกกำลังต้องการวิถีชีวิตเยี่ยงนี้ เพราะปัญหาของโลกนี้นับวันจะทวีขึ้น การเริ่มต้น ขัดเกลาตัวเองให้สามารถอยู่กับโลกนี้ได้อย่างสงบเย็นและเป็นประโยชน์... จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน”
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต




จุดพลิกผัน
โดยส่วนตัวแล้วผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยได้เข้าไปปฏิบัติธรรมที่เสถียรธรรมสถาน เคยได้คุยกับแม่ชีเรื่องการสร้างเสถียรธรรมสถานว่ามี 20 กว่าปีก่อนผู้คนในสังคมจะไม่ยอมรับแม่ชีเหมือนในปัจจุบันนี้ คนในสมัยนั้นมักจะดูถูกผู้หญิงที่เป็นแม่ชีว่าอกหักหนีรักมาบวชชี ไม่มีใครที่ตั้งใจจะปฏิบัติธรรมจริงจังหรอก ซึ่งแม่ชีศันสนีย์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่โดนกล่าวหาด้วย แต่แม่ชีก็ไม่ย้อถ้อมุมานะเผยแผ่พระพุทธศาสนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างในทุกวันนี้

คุณธรรมที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง
- เป็นผู้ที่มีความมานะอดทนไม่ย้อท้อต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเอง
- เป็นผู้ที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทั้งทางโลกและทางธรรม
- เป็นผู้ที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาและสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงสืบต่อไป
- เป็นบุคคลที่ให้อภัยแก่ผู้อื่น ไม่ถือโทษโกรธผู้ที่กระทำสิ่งไม่ดีต่อตนเอง
- เป็นบุคคลที่อยู่ในศีลธรรมอันดีงามและสามารถเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนให้กับผู้อื่น สมควรแก่การยกย่อง
- เป็นสตรีที่สตรีทั้งหลายควรเอาเป็นแบบอย่าง



แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต คือแบบอย่างของผมในการทำความดี
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต คือ My Role Model ของผม

ผมสัญญาว่าจะกลับไปที่เสถียรธรรมสถานเพื่อปฏิบัติธรรมอีกครั้งหากมีโอกาส
ผมรักแม่ชีมากๆครับ

i3all บอล

ขอขอบคุณแหล่งที่มา

http://www.mistercleanweb.com/interview/interview-04.html