30/6/52

แทนคุณ จิตต์อิสระ Role Model ด้านภาษาจีนและความกตัญญู


แทนคุณ จิตต์อิสระ (ชื่อเล่น: อี้) (เกิด 4 เมษายน พ.ศ. 2522 (อายุ 30 ปี)) อาจารย์สอนภาษาจีน ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้เรื่องความสัมพันธ์ไทย-จีน และได้รับเชิญให้เป็นพิธีกรในรายการเดียวกันนี้ ภายหลังได้จัดตั้ง "สถาบันฮั่นอี้ หรือ โรงเรียนนวัตกรรมภาษาและปัญญามนุษย์" ขึ้น

ประวัติ
แทนคุณ เป็นลูกชายคนโตในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน มีชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดง ละครเรื่องต่าง ๆ เหมือนนักแสดงวัยรุ่นทั่วไป ต่อมาเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2543 พ่อซึ่งเป็นผู้นำครอบครัวได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน เขาจึงตัดสินใจหยุดรับงานแสดงเพื่อทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว ดูแลแม่และพี่น้อง สืบสานปณิธานของพ่อด้วยการเริ่มเรียนภาษาจีนอีกครั้งในปลายปี 2543 นอกจากนี้การสูญเสียพ่อไปอย่างไม่มีวันกลับ ได้ทำให้เขาพบสัจธรรมของชีวิตและขวนขวายศึกษา ฝึกฝน ปฏิบัติธรรมะอย่างจริงจังโดยได้อุปสมบทครั้งแรกที่วัดชลประทานรังสฤษฏิ์ ในพ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นสายปฏิบัติของหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ เป็นความตั้งใจที่จะศึกษางานของท่านอาจารย์พุทธทาสอย่างจริงจังเช่นกัน ภายหลังลาสิกขาเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ โดยใช้ชื่อใหม่ว่า แทนคุณ จิตต์อิสระ เป็นความหมายเพื่อเตือนสติให้ตั้งใจ "ทดแทนบุญคุณ" ของพ่อผู้ล่วงลับ และแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ตลอดจนนามสกุลที่ได้จากการศึกษาธรรมะหมายถึง "จิตใจที่เป็นอิสระจากกิเลสและความยึดมั่นถือมั่น" ตามแนวทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้ ที่สำคัญ เขาได้หันมาทำกิจกรรมทางสังคมและเผยแผ่ธรรมะให้กับเยาวชนมากขึ้นเป็นทั้งอาสาสมัคร วิทยากร พิธีกร ตลอดจนนักเคลื่อนไหวในเชิงธรรมะและสังคมอย่างกว้างขวาง จึงถือได้ว่าเขาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่น่ายกย่องและเรียนรู้ ถึงความเสียสละและทำประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาและเด็กเยาวชน

ความสำเร็จ
การศึกษา
-จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท สาขาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

งานด้านสังคม
-อดีตอนุกรรมาธิการกิจการสตรี เยาวชนและผู้สูงอายุ วุฒิสภา
-อดีตอนุกรรมาธิการกิจการเด็กและเยาวชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
-อาจารย์พิเศษจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามงกุฏราชวิทยาลัย ฯลฯ

ปัจจุบัน
-ผู้อำนวยการสถาบันฮั่นอี้ สอนภาษาจีนและพิธีกร
-ประธาน "กองทุนสื่อธรรมะเพื่อเยาวชน" และประธานเครือข่ายเยาวชนคนรักดี
-ประธานด้านเด็กและเยาวชน สมาคมฟุโจวแห่งประเทศไทย
-ผู้อำนวยการผลิตรายการส่งเสริมธรรมะให้กับเยาวชน "มหัศจรรย์แห่งปัญญา" ซึ่งออกอากาศก่อนรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ ทุกวันอาทิตย์เวลา 8.30-9.00
-รายการอธิษฐานสิจ๊ะ
-ผู้อำนวยการผลิตละครส่งเสริมธรรมะเรื่อง "กรรมพยากรณ์"
-ประธานโครงการเผยแผ่พุทธธรรมเพื่อเยาวชน 1 ครอบครัว 1 ลูกกตัญญู
-กรรมการและเลขานุการกลุ่มธรรมะการ์ตูน 80 พรรษา มหาราช ผู้ผลิตภาพยนตร์แอนนิเมชั่น เรื่อง พระพุทธเจ้า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

บทบาทหน้าที่ต่างๆ
-พิธีกรรายการส่งเสริมศิลปะ วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม "สยามทูเดย์"
-วิทยากรสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
-วิทยากรรายการมองชีวิต มีชีวา คลื่น FM 96.5
-นักจิตวิทยา ให้คำปรึกษาโดยใช้ธรรมะสำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป ทางรายการอวสานความทุกข์ ทางคลื่น FM 95.25 และรายการกระแสสังคม ทางคลื่น FM 92.5
-คอลัมนิสต์ หน้าการศึกษาของหนังสือพิมพ์มติชน คอลัมน์ "หัวใจนักปราชญ์"
-อาจารย์สอนภาษาจีนโครงการ To Be Number One
-พิธีกรการวิ่งคบเพลิงกีฬาโอลิมปิคปี 2008 ปักกิ่งเกมส์ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อครั้งที่ประเทศไทยร่วมจัดการวิ่งคบเพลิงที่ถนนเยาวราช
-พิธีกรการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
-วิทยากรบรรยายและอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ
ฯลฯ

บทบาททางการเมือง
-อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
-อดีตที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม กีฬา เด็ก และเยาวชน ของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
-ปัจจุบันที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้านเด็ก และเยาวชน ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามคณะกรรมการด้านเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร

รางวัลที่ได้รับ
-รางวัลทูตพิทักษ์สิทธิเด็ก ปี 2552
-รางวัลพระราชทานกลุ่มเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ปี 2551
-รางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ปี 2545
-รางวัลศิลปินคุณธรรม ปี 2546
-รางวัลบุคคลดีเด่นด้านการต่อต้านยาเสพติด
-รางวัลบุคคลดีเด่นด้านการส่งเสริมพระพุทธศาสนา

จุดพลิกผัน
- เมื่อคุณพ่อของคุณอี้เสียชีวิต เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเค้า
เพราะเค้าที่ต้องเลือกความอยู่รอดของครอบครัวด้วยการกลับไปช่วย กิจการที่บ้านอย่างจริงจัง
หันมาศึกษาหลักปรัชญาของพุทธศาสนา และตัดสินใจเรียนภาษาจีนตามที่พ่อเคยต้องการ จนประสบความสำเร็จมาจนทุกวันนี้


Quote
"สำหรับผมภาษาจีนเป็นภาษาที่ท้าทาย ยิ่งเรียนผมกลับยิ่งพบว่า มีวิธีทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะภาษาจีนเป็นภาษาแห่งจินตนาการ เป็นเหมือนงานศิลปะ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนนำไปใช้ได้อย่างไม่มีวันจบ ผมจึงรักภาษาจีน เพราะภาษาจีนทำให้ผมรักการเรียนรู้”

“มันเหมือนเวลาไม่สบายแล้ว หลักธรรมก็เหมือนยารักษาเพียงแต่มันรักษาภายในของเรามากกว่า”

“ประเทศไทย ศาสนาพุทธ และในหลวงให้อะไรกับผมมาก ผมแค่อยากจะแทนคุณแผ่นดิน”

แทนคุณ จิตต์อิสระ เป็นหนึ่งแม่แบบของผมให้ผมมีแรงฮึดในการศึกษาภาษาจีน
แทนคุณ จิตต์อิสระ เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องและเอาเยี่ยงอย่างในเรื่องของความกตัญญู
แทนคุณ จิตต์อิสระ เป็น My Role Model ของผม

i3all บอล

ขอบคุณแหล่งที่มา

th.wikipedia.org/wiki/แทนคุณ_จิตต์อิสระ

http://www.bsnnews.com/ContentDetail.asp?ContentID=14150

29/6/52

หมอฟันและช่างทำรองเท้า

วันนี้ระหว่างที่กำลังนั่ง Taxi กลับบ้านขณะที่ฝนกำลังตกหนัก
คนขับรถ Taxi ร่างท้วมได้ฟังวิทยุคลื่นหนึ่ง
เพลงที่เปิดก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรมาก
เพราะไม่ใช่แนวที่ผมชอบฟังเลย
แต่ที่ทำให้ผมต้องนำมาเล่าใน Blog นั้น
คือคำพูด 3 ประโยคสั้นๆที่ว่า....

คนเรามีความถนัดไม่เหมือนกัน
ให้หมอฟันมาทำรองเท้าคงทำไม่ได้
คนช่างทำรองเท้าก็มาทำฟันไม่ได้เช่นกัน

(คำพูดจริงๆผมก็จำไม่ได้นะครับ แต่พอจำใจความสำคัญได้)
แค่ 3 ประโยคก็ทำให้ผมได้คิดอะไรหลายๆอย่าง แล้วคุณล่ะ? คิดเหมือนผมใช่ไหม

27/6/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(4) Clipบ้าง อิฐบ้าง อะไรบ้าง

วันนี้คลาสเรียน Innovative Thinking
อาจารย์ได้เล่าว่าคนเรามีอยู่ 2 ประเภทคือ Satisfier กับ Optimizer
Satisfier คือคนที่แก้ปัญหาตามวิธีในตำรา เมื่อคิดได้แล้วก็หยุดไอไว้แต่นั้น
Optimizer คือคนที่แก้ปัญหาโดยหลายๆคำตอบ แล้วเลือกวิธีที่ดีที่สุด

สมมุติว่ามีเข็มมากมายอยู่ในกองฟาง ให้หาเข็มมาเล่มนึงในนั้น
คนส่วนมากจ็จะพยายามหาเข็มมาให้เจอ เมื่อเจอแล้วก็จะดีใจ
แต่คนอย่างไอสไตน์ไม่คิดเช่นนั้น เพราะเค้าจะพยายามหาเข็มเล่มถัดไป
หาไปเรื่อยๆจนแน่ใจแล้วว่าเขาได้หาครบทุกเข็มแล้ว จึงเลือกเข็มที่ดีที่สุดหนึ่งอัน

จากข้างบนนั้น เข็มก็เหมือนกับวิธีแก้ปัญหา
เห็นได้ว่าเรากับไอสไตน์คิดต่างกันจริงๆ เราเจอเข็มเดียวก็คงดีใจมากๆแล้ว
เหมือนเวลาเราแก้ปัญหาใดๆ เจอวิธีแก้ปัญหาแล้วก็จะลุยเลย
จนลืมมองไปว่ามันจยังมีวิธีแก้วิธีอื่นอีกไหม
ซึ่งการที่เรามีหลายตัวเลือกต้องดีกว่าตัวเลือกเดียวแน่นอน!!



“เราสามารถนำอิฐไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”
และ
“เราไม่สามารถนำคลิปหนีบกระดาษไปทำอะไรได้บ้าง”

คือคำถามที่อาจารย์ได้ถามในห้อง

“เราไม่สามารถนำอิฐไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”
และ
“เราสามารถนำคลิปหนีบกระดาษไปทำอะไรได้บ้าง”

คือคำถามที่ได้คำตอบเหมือนข้างบน

เห็นว่าบางเรื่องนั้นเราอาจจะหาคำตอบไม่ได้ เราอาจคิดกลับปัญหาดู
แล้วคำตอบอาจจะได้มาไม่ยากอย่างที่เราคิดก็ได้
^^


ต่อมาอาจารย์ให้เราดูถึงคนที่ประสบึความเร็จในทางความคิดสร้างสรรค์
เช่นปิกัสโซ่ที่มีผลงานดีเด่นมากมาย
ไอสไตน์ ที่มีบทความที่มีชื่อเสียง
เอดิสันที่มีสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญ
เห็นว่าบุคคลเหล่านี้ ทุกคนต่างยอมรับในความสามารถของเขาทั้งนั้น


แต่ความจริงแล้วกว่าเขาจะทำได้ขนาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ปิกัสโซ่มีภาพวาดมากกว่า 20000 รูป แต่ดังจริงๆไม่กี่รูป
ไอสไตน์มีบทความมากกว่า 240 บทความ แต่ดังแค่ไม่มีบทความ
เอดิสันมีสิ่งประดิษฐ์มากกว่า 1000 สิทธิบัตร แต่เป็นที่จดจำแค่ไม่กี่อย่าง
ทุกคนก็ล้วนทำแล้วไม่เวิร์คเหมือนกัน
แล้วเราล่ะ ได้ทำมันไปกี่ครั้งแล้ว ถ้าลงมือซัก 1000000 ครั้งก็ต้องมีสัก 1 ครั้งที่สำเร็จ จริงไหม?

ท้ายคาบผมได้ทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาอันนึง
ซึ่งผลของการทำแบบทดสอบนี้จะตอบคำถามได้ว่า เรามีข้อดีอย่างไร
ถามจริงๆ มีใครรู้บ้างว่าเรามีข้อดีอย่างไร
ไม่ใช่ว่า เราอยากมีข้อดีอย่างไรนะ
มันตอบได้ยากจริงๆ อีก 2 สัปดาห์สินะ ผมถึงได้รู้เรามีข้อดีอย่างไร



i3all บอล

25/6/52

Entrepreneur Project Opportunities

Entrepreneur Project Opportunities.
วันนี้อาจารย์จะเปลี่ยนตัวเองเป็น VC
มาฟังนิสิตเสนอโครงการเพื่อมาขอเงินไปลงทุน


Self Studio 7
โดยแต๊กหญิง เตเต้ มินท์
เป็นสื่อง่ายๆใครๆก็ทำได้ ใครอยากมีรายการทีวีเป็นของตัวเอง
หรืออยากจะหาช่องทางในการแสดงของ Self Studio 7 คือคำตอบ
เพราะ Self Studio 7 คือสถานีโทรทัศน์ออนไลน์
ที่ใครๆก็สามารถสร้าง Channel เป็นของตัวเองได้



Designature
โดยวีกิจ คิด ชูชาติ
Designature = Design + Signature
ใครมีไอเดียดีๆ แต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ไม่รู้ว่าจะขายใคร
Designature ช่วยคุณได้ เพราะ Designature จะเป็นสื่อกลาง
ระหว่าง VC ที่มีเงินแต่ไม่มีไอเดียอะไร
และ Creative ที่มีไอเดียมากมาย แต่ไม่มีเงินไปลงทุน


The Stage
โดยหรง ปุ๋ย นิ้ง นุ่น
AF ต้องชิดซ้าย The Star ต้องชิดขวา เมื่อ The Stage มา
งานนี้ใครมีดีต้องโชว์ ไม่ต้องง้อพี่ม้า ไม่ต้องรอ Commentator
และไม่ต้องมาลุ้นผลโหวต เพราะงานนี้ใครมีดีได้โชว์
The Stage จะเป็น Community ของคนมีดีมีความสามารถ
เปิดกว้างมากกว่าโดยอาศัย Social Network
ทีนี้ใครมีดี ก็มีโอกาสได้โชว์


Waste or Worth
โดยดุ่ย เนย เหมียว
จากขยะอิเล็กโทรนิกไร้ค้า สู่วัตถุดิบล้ำค้าในอุตสาหกรรม
โรงงาน Recycle E-Waste แห่งแรกในเมืองไทย
นอกจากจะทำกำไรได้มหาศาลแล้ว
ยังเป็นการช่วยโลกได้อีกด้วย



The Couple
โดยบอล(ผมเอง) เบนซ์ ปอนด์
บริษัทจัดหาคู่อย่างเป็นทางการเจ้าแรกในประเทศไทย
จากแนวคิดของคนเหงาไม่มีคู่ สู่ธุรกิจแนวใหม่
ยุคนี้ใครๆก็ต้องทำงานหนักกันทั้งนั้น
เรื่องหาคู่นี่ให้เป็นหน้าที่เรา The Couple



Twisttoi
โดยบิลลี่ แวด ยูก
Twister ต้องปาดเหงื่อทันที เมื่อเจอคู่แข่งอย่าง Twisttoi
Twisttoi เท่ห์กว่าเพราะไม่ใช่แค่ข้อความ
Twisttoi เจ๋งกว่าเพราะอยู่กับคุณได้ทุกที
Twisttoi มันส์กว่าด้วยฟังก์ชันที่หลากหลายและโดนใจกว่า
Twisttoi อัพเดททุกอย่างที่คุณอยากให้คนอื่นรู้ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง ข้อความ
ผ่านช่องทางทางช่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่น website phone in หรือ sms
Twisttoi มันกำลังจะมา!!!



E Tutor
โดยเค วิค จู๊ด
E Tutor ระบบเรียนพิเศษทางไกล
ยุคนี้ใครๆก็อยากรียนพิเศษใกล้บ้าน
E Tutor จัดให้ได้ สถาบันกวดวิชาแนวใหม่
ใกล้ชิด ได้ผล มีคุณภาพ ที่สำคัญที่สุดคือใกล้บ้าน


นี่แค่น้ำจิ้มๆนะครับ ที่จริงยังมีที่น่าสนใจอีกมากมาย
บอกได้เลยว่า ไอเดียโอเดลทางธุรกิจที่ผมเห็นจากเพื่อนๆในวันนี้
ทุกๆไอเดียนี่เจ๋งไปเลย ส่วนนึงเพราะเรารู้จักมองเห็นโอกาส
และเลือกนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสม
ไม่รู้ว่าโปรเจคที่แต่ละกลุ่มได้เสนอไปนั้นปลายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร
จะรุ่งเรือง ล้มเลิก หรือร่อแร่ ยังไงก็ต้องติดตามดู
หากมีความคืบหน้าอย่างไรเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังใน Blog นะครับ

i3all บอล

24/6/52

CG Project Pitch


วันนี้ในคาบเรียน CG หรือ Computer Graphic
มีการนำเสนอหัวข้อโปรเจควิชากัน
โดยอาจารย์ให้ทุกคนไปคิดมาก่อนว่า
อยากทำโปรเจคอะไร?
แล้วให้นำมาเสนอหน้าชั้นเรียนสั้นๆคนละ3ไสลด์
แล้วอาจารย์จะเลือกโปรเจคที่น่าสนใจและเป็นไปได้มา 8 โปรเจค
มาเป็น 8 โปรเจคประจำวิชาของภาคเรียนนี้ซึ่งก็มีไอเดียต่างๆที่น่าสนใจมากมาย
เช่น


สื่อการสอนโมเมนตัม(ผมเอง)
เป็นโมเดลทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆเรื่องโมเมนตัม
สร้างภาพขึ้นมาโดยอาสัยหลักการทางฟิสิกส์


จำลองการโยนโบว์ลิ่ง(พร)
ถ้าเราลองสังเกตุตามในเกมโบว์ลิ่งแล้ว จะเห็นได้ว่า
เวลาพินล้ม มันจะล้มเป็นรูปแบบเดิม ซึ่งมันขัดต่อความจริงมากๆ
พรเค้าเลยมีไอเดียว่าจะสร้างภาพพินล้มโดยจำลองสถานการณ์ขึ้นมา
โดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์สร้างขึ้น




จำลองการเล่นสนุ๊กเกอร์(บาส)
ถ้าเราลองสังเกตุตามในเกมสนุ๊กเกอร์แล้ว จะเห็นได้ว่า
เวลาลูกสนุ๊กชนกัน มันจะชนเป็นรูปแบบเดิม ซึ่งมันขัดต่อความจริงมากๆ
บาสเค้าเลยมีไอเดียว่าจะสร้างภาพลูกสนุ๊กชนกัน โดยจำลองสถานการณ์ขึ้นมา
โดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์สร้างขึ้น (เอ๊ะ!!! คล้ายๆข้างบนเลย)


ทำกราฟฟิคการเตะฟุตบอล(ที)
โดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์ มาสร้างภาพที่เกิดจากการเตะลูกโทษ
ไม่เน้นเวอร์ แต่เน้นสมจริงว่าเตะจากมุมไหน ความแรงเท่าไหร่
แล้วลูกบอลจะเด้งไปในทิศทางใด ด้วยความเร็วเท่าไหร่

ทำโมเดลโทรศัพท์มือถือ(ต้น ปกรณ์)
เป็นรูปโทรศัพท์มือถือ3มิติ สามารถพิมพ์ข้อความ sms ได้โดยคลิกปุ่มมือถือ
เมื่อพิมพ์เสร็จสามารถกด send ได้
แล้ว sms จะเด้ง!!!ออกมาจากมือถือทันที O_o!!



Turtle Talk (Top)
โปรเจคนี้ได้ไอเดียมาจากดิสนี่แลนด์จากประเทศหนึ่ง
ที่จะมีภาพกราฟฟิครูปเต่าบนจอ LCD ที่สามารถตอบโต้กับมนุษย์ได้
เช่นเมื่อถามว่าวันนี้วันอะไร ก็สามารถตอบเราได้
ในสโคปงานที่ทำ คือต้องการทำให้คำพูดของเต่า
สัมพันธ์กับกราฟฟิคปากที่เต่าพูด โดยให้เต่าพูดตามสคริปที่อินพุตเข้าไป
โดยไม่ต้องโต้ตอบกับมนุษย์เหมือนที่ดิสนี่แลนด์ทำ


เป็นต้น
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างที่ผมชอบและนำมาเล่าให้ฟังนะครับ
ที่จริงยังมีอีกหลายโปรเจคที่น่าสนใจ เช่นทรานสฟอร์เมอร์
lighting studio น้ำตกแบบที่สิงคโปร์ และอื่นๆอีกมากมาย

ซึ่งในตอนสุดท้ายผมก็ได้มาทำโปรเจคเรื่องจำลองการโยนโบว์ลิ่ง
ก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก ซึ่งเมื่อจบเทอมผลของโปรเจคจะเป็นอย่างไร
ผมจะมาโปรเจคมาโชว์ลง Blog ให้ได้ชมกันอีกครั้งนะครับ

i3all บอล

22/6/52

คุยเรื่องสุขภาพ


วันนี้(21/6)ผมได้ไปเดินห้างเสรีเซ็นเตอร์
เป็นห้างแถวบ้านผมเอง บนถนนศรีณครินทร์
ห้างนี้เป็นห้างที่ไม่เหมือนห้างอื่นๆ
เพราะกลุ่มเป้าหมายของห้างนี้คือวันเด็กและวัยชรา
ภายในห้างจึงมักมีกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจ
จัดขึ้นเพื่อกลุ่มเป้าหมายอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

ในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน... มี Talk Show เรื่อง..
"คุยเรื่องสุขภาพ โดย ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์"
คุณหมอท่านพูดเก่งมากๆและเข้าใจผู้ฟังเป็นอย่างดี
จึงสามารถได้ใจคนฟังทุกคนทั้งลุงป้าน้าอาปู่ย่าตายาย
รวมทั้งตัวของผมเองก็เป็น 1 ในนั้นด้วย
หากใครที่มาฟังก็คงได้รับทั้งสาระและรอยยิ้มกันไปถ้วนหน้า
ซึ่งประเด็นหลักที่คุณหมอมาพูดคือ
"สุขภาพกายที่ดี เกิดจากสุขภาพจิตที่ดี"
พูดกันตรงๆสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลายๆคนหลงลืมกันไป
ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ คนไทยจะเป็นโรคเครียดกันมาก
ทำให้เกิดเป็นโรคต่างๆตามมามากมาย
เรื่องพวกนี้ที่จริงคงไม่ต้องอธิบายกันมาก เพราะทุกคนรู้กันอยู่แล้ว
ที่ปัญหามันอยู่ที่ว่า "มีใครบ้างที่สามารถทำอย่างที่รู้ได้?"
หากไม่เริ่มทำวันนี้ แล้วจะไปเริ่มทำวันไหน?

...

สุดท้ายผมอยากจะขอให้ทุกๆคน
มีทั้งสุขภาพกายที่แข็งแรง และสุขถาพจิตที่เข้มแข็ง ตลอดไปจนแก่เฒ่า

i3all บอล

20/6/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(3) ฉันมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม

วันนี้ได้เรียนเรื่องมายมาก ทำให้เกิดความรู้สึกฮึกเฮิม
อยากพัฒนาตนเอง อยากพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
มีแง่คิดและแบบฝึกต่างๆให้ทำมากมาย

เป้าหมาย?
วันนี้ผมได้ทำแบบฝึกเรื่องเกี่ยวกับเป้าหมายของชีวิต
คืออาจารย์ให้เขียนเป้าหมายในระยะสั้นของตน
เป้าหมายในระยะยาว และเป้าหมายสูงสุด
ทีแรกก็ดูเหมือนว่าจะไม่น่ายากเท่าไหร่
แต่ลองมาคิดดีๆแล้ว โจทย์นี้ตอบได้ยากมาก
เพราะเมื่อเราคิดได้เป้าหมายนึงแล้ว จะมีคำถามเกิดขึ้นมาในใจ
ว่า "นั่นใช่เป้าหมายจริงๆของชีวิตเราหรือ"
คิดมาคิดไปกับคำถามที่ว่า "เป้าหมายสูงสุดของชีวิตเราคืออะไร"
คำตอบของมันก็ไม่ต่างจากคำถามที่ว่า "เราเกิดมาทำไม" ว่ามั๊ย?
ไม่รู้ว่าในใจเพื่อนๆจะตอบอะไรกัน ส่วนผมน่ะเหรอ
เป้าหมายสูงสุดของผมคือการได้ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ให้ได้ดีที่สุด
อาจดูน้ำเน่านะ หรืออีตานี่มันสร้างภาพป่าวเนี่ย
แต่ผมยืนยันได้ ผมคิดแบบนี้จริงๆ หากผมไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้
ผมคงรู้สึกเสียใจไปทั้งชีวิตเลยล่ะครับ

Affirmation การย้ำจิต
Fake it until you make it.
ตัวอย่างของ Affirmation ที่ชัดเจนมากๆเลยคือ
ตัวอย่างที่พี่อนันท์ได้ยกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน
ทหารจะพูดตลอดเวลาที่ฝึกว่า
หิวมั๊ย ... ไม่หิว (ทั้งๆที่หิวแทบแย่ ไส้กิ่วเลยทีเดียว)
ร้อนมั๊ย ... ไม่ร้อน (ทั้งๆที่ไฟจะลุกอยู่แล้ว)
เหนื่อยมั๊ย ... ไม่เหนื่อย (ทั้งๆที่เหงื่อออกมามากราวกัยเขื่อนแตก)
เกิดเป็นการย้ำจิตตลอดเวลา นานๆเข้าก็จะเริ่มรู้สึกจริงๆอย่างที่คิด
Fake it until you make it. จริงๆ
ต่อไปทหารก็จะไม่หิว ไม่ร้อน และไม่เหนื่อย
วันนี้ในคลาสเรียนอาจารย์ก็ได้ให้พวกเราได้ฝึกและลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูบ้าง

ว่า...

ฉันมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม
ฉันมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม
ฉันมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม

และ...

คุณมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม
คุณมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม
คุณมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม

โอ้วจอช!! รู้สึกได้ถึงพลังในตัวเลยล่ะ
เหมือนมันมีไฟขึ้นมา มีพลังที่จะพัฒนาตัวเอง
ไม่เชื่อลองดู "ฉันมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม"


เรียนจบอารมณ์ไม่จบ

ในทางจิตวิทยาว่ากันว่าการเปลี่ยนแปลงนิสัย
เราต้องทำให้เป็นกิจวัตรอย่างน้อย 21 วันหรือ 3 สัปดาห์
ผมขอเอามั่งนะครับ เริ่มจากเรื่องง่ายๆใกล้ๆตัว
ฮึบ...

ฉันเป็นคนตื่นเช้า และไม่นอนต่อ
ฉันเป็นคนตื่นเช้า และไม่นอนต่อ
ฉันเป็นคนตื่นเช้า และไม่นอนต่อ

คุณก็เป็นคนตื่นเช้า และไม่นอนต่อ
คุณก็เป็นคนตื่นเช้า และไม่นอนต่อ
คุณก็เป็นคนตื่นเช้า และไม่นอนต่อ

ผมจะพยายาม คุณก็ด้วยนะ

i3all บอล

17/6/52

Technologies and Trend โดย อ.สุพจน์ จาก Microsoft

วันนี้ในวิชา Entrepreneur ได้มีวิทยากรรับเชิญจาก บ.Microsoft
พี่สุพจน์ ศรีนุตพงษ์ (ขออนุญาติเรียกพี่นะครับ)
มาบรรยายเรื่อง Technologies and Trend
โดยในการบรรยายมีทั้งเรื่องของ Technologies ของปัจจุปันและอนาคต
รวมถึงเทคนิค Self Stimulate แบต่างๆที่น่าสนใจอีกด้วย

ที่น่าสนใจสุดๆเลย เรียกได้ว่าทำให้ผู้ฟังทุกคนต้องอ้าปากค้าง!!!

Microsoft Surface !!!

โอ้วแม่เจ้า!! นี่มันอะไรกันนี่



http://www.microsoft.com/surface/

นี่ไม่ใช่ภาพแต่ง หรือมาจากหนังฮอลิวู๊ดเรื่องไหนนะครับ
มันคือเรื่องจริง!! ย้ำมันคือเรื่องจริง!!
และที่สำคัญ มันกำลังจะเข้ามาในเมืองไทยแล้ว เร็วๆนี้
เห็นได้ว่าจากสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปแล้ว
ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากจินตนาการ
คงปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า ไอเดียแนวนี้เราก็เคยเห็นนะเมื่อ10ปีก่อน
ตามหนัง Sci-Fi หรือตามการ์ตูนเรื่องต่างๆ
เห็นได้ว่าหากไม่มีจินตนาการ Surface คงไม่เกิดขึ้นมา
น่าทึ่งจริงๆ ซูฮกให้1ที ขอคาราวะงามๆ

i3all บอล

16/6/52

เสี้ยน!! ต่อ

How to remove "เสี้ยน" from your teen.

ความเดิมตอนที่แล้ว (สั้นๆแบบไม่ลีลา)
ผมถูกเสั้ยนตำตอนกำลังจะไปอาบน้ำครับ

จากที่อัพไว้ครั้งก่อน หลังจากเจ็บปวดทรมานมานาน
ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่จะปลดปล่อยพันธนาการนั้นได้ซะที
ด้วยวันนี้เราจะมาหาวิธีการน้ำเสี้ยนออกจากฝ่าเท้ากัน
(หากไม่อยากเสียเวลาให้ไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายได้เลย)


ยุทธวิธีที่ 1
"บิดมันออกมา"

ใช้มือน้อยๆอันสะอาดของท่าน บรรจงวางไปบนฝ่าเท้า
ให้น้ิ้วโป้งและนิ้วชี้อยู่ในแนวขนานกับทิศการวางตัวของเสี้ยน
แล้วใช้แรงบีบนิ้วทั้งสองเข้ามา ประดุจว่ามีฝ่ามือเป็นจุดหมุน(ดังรูป)
จนกระทั้งเสี้ยนไหลออกมาตามแรงบีบ

แต่มันก็ไม่ออก...


ยุทธวิธีที่ 2
"รีดมันออกไป"

ใช้นิ้วหัวแม้โป้งของมือหรือเท้าอีกข้างก็ได้ตามสะดวก
แนะนำให้ใช้ข้างที่มีเล็บหน่อย แล้ววางเล็บลงบนฝ่าเท้า
โดยให้เกิดจุดสัมผัสระหว่างปลายเล็บกับฝ่าเท้า
ในมุมที่ตั้งฉากกันระหว่างระนาบเล็บกับทิศการวางตัวของเสี้ยน
จากนั้นก็ออกแรงกดแล้วเค้นเล็บไปบนฝ่าเท้า
ต้านแรงเสียดทานทั้งปวงที่เกิดขี้น
จนดันเสี้ยนออกจากฝ่าเท้าได้

แต่มันก็ยังไม่ออก... แถมปลานเสี้ยนยังหักอีกด้วย

โอ้วแม่เจ้า เศร้าโคตร.... ทำเป็นเล่นไป TT
ในกรณีแบบนี้อาจเรียกได้ว่า ""เสี้ยนฝังใน"
การบิดหรือรีดเสี้ยนออกจากเท้าก็อาจจะไม่สามารถทำได้
จึงต้องใช้วิธีที่ฮาร์ดคอร์ยิ่งขึ้น


ยุทธวิธีที่ 3
"เบิกทวาร"

ในเมื่อไม่สามารใช้นิ้วในการปลดปล่อยพันธนาการได้
ในขณะที่วัตถุแข็งเกร็งบางอย่างกำลังอยู่ในร่างกายเรา
เราจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์เพิ่ม เพื้อทำการ"เบิกทวาร"
แม้จะเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม เพื่อความสุขก็ต้องยอมทน
อุปกรณ์ที่ว่านั้นคือ ...

กรรไกรตัดเล็บ และ เข็มกลัด
เราจะต้องใช้เข็มทิ่มเข้าไปบริเวณที่มีเสี้ยนตำ
แต่อย่าทิ่มมั่ว มันจะเจ็บฟรี - -* แบบผม
ให้เลือกทิ่มบริเวณปากรูที่เสี้ยนเข้าไปในฝ่าเท่า
จนรูที่ทิ่มไปในตอนแรกขยายใหญ่ขึ้น
จากนั้นก็วางเข็มแล้วใช้กรรไกรตัดเล็บ
ทำหน้าที่หนีบเสี้ยนผ่ายรูที่ได้ทำการขยายแล้ว
หากไม่สำเร็จให้วางกรรไกรตัดเล็บแล้วหยิบเข็มขึ้นมา
ทิ่มบริเวณปากรูที่เสี้ยนเข้าไปในฝ่าเท่า
จนรูที่ทิ่มไปในตอนแรกขยายใหญ่ขึ้น
จากนั้นก็วางเข็มแล้วใช้กรรไกรตัดเล็บ
ทำหน้าที่หนีบเสี้ยนผ่ายรูที่ได้ทำการขยายแล้ว
หากไม่สำเร็จให้วางกรรไกรตัดเล็บแล้วหยิบเข็มขึ้นมา
ทิ่มบริเวณปากรูที่เสี้ยนเข้าไปในฝ่าเท่า
จนรูที่ทิ่มไปในตอนแรกขยายใหญ่ขึ้น
จากนั้นก็วางเข็มแล้วใช้กรรไกรตัดเล็บ
ทำหน้าที่หนีบเสี้ยนผ่ายรูที่ได้ทำการขยายแล้ว
หากไม่สำเร็จให้วางกรรไกรตัดเล็บแล้วหยิบเข็มขึ้นมา
ทิ่มบริเวณปากรูที่เสี้ยนเข้าไปในฝ่าเท่า
จนรูที่ทิ่มไปในตอนแรกขยายใหญ่ขึ้น
จากนั้นก็วางเข็มแล้วใช้กรรไกรตัดเล็บ
ทำหน้าที่หนีบเสี้ยนผ่ายรูที่ได้ทำการขยายแล้ว
หากไม่สำเร็จให้วางกรรไกรตัดเล็บแล้วหยิบเข็มขึ้นมา
ทิ่มบริเวณปากรูที่เสี้ยนเข้าไปในฝ่าเท่า
จนรูที่ทิ่มไปในตอนแรกขยายใหญ่ขึ้น
จากนั้นก็วางเข็มแล้วใช้กรรไกรตัดเล็บ
ทำหน้าที่หนีบเสี้ยนผ่ายรูที่ได้ทำการขยายแล้ว
หากไม่สำเร็จให้วางกรรไกรตัดเล็บแล้วหยิบเข็มขึ้นมา
ทิ่มบริเวณปากรูที่เสี้ยนเข้าไปในฝ่าเท่า
จนรูที่ทิ่มไปในตอนแรกขยายใหญ่ขึ้น
จากนั้นก็วางเข็มแล้วใช้กรรไกรตัดเล็บ
ทำหน้าที่หนีบเสี้ยนผ่ายรูที่ได้ทำการขยายแล้ว
หากไม่สำเร็จให้วางกรรไกรตัดเล็บแล้วหยิบเข็มขึ้นมา

.... ทำซ้ำๆจนไม่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้นแล้ว
จากนั้นจึงค่อยมาตรัสรู้ว่า ทำไมเราไม่ใช้กรรไกรตัดเล็บ
ตัดหนังที่ฝ่าเท้าออก แล้วใช้เข็มกลัดเขี่ยเสี้ยนออกมา
ผมดีใจมากที่มีไอเดียอะไรดีๆแบบนี้ และผมก็ทำมันสำเร็จ
แต่ก็เสียใจที่เสียเวลาทำอะไรก็ไม่รู้ตั้งนาน แต่ก็ไม่เป็นไร
เค้าเรียดว่าการเรียนรู้จากความผิดพลาด แถวบ้านเรียก ผิดเป็นครู
ทีนี้ผมได้รู้วิธีการ remove "เสี้ยน" from my teen. แล้ว
ครั้งหน้าผมจะไม่พลาดอีกเหมือนครั้งนี้

และนี่คือผลงานของความสำเร็จของผม ... ไชโย

ขอให้ทุกท่านจงโชคดี
"ระวังเสี้ยน" นะครับ

i3all บอล

ปล. หลังจากเอาเสี้ยนออกได้ ต่อไปคือเวลาแห่งความเสียวซ่านของผม
ปล2. ทำไมนะเหรอ? เพราะผมกำลังจะไปอาบน้ำไง

15/6/52

คำคมคุณแม่

มีด!!

คมไหมล่ะ !!

อันนี้คุณแม่ผมไม่ได้พูด ผมพูดเอง
หลังจากเหตุการณ์ที่ถูกเสี้ยนตำเมื่อคืนนี้
ผมได้แชร์ประสบการณ์นั้นให้แม่ผมฟัง
จึงได้คำคมคุณแม่มีนึงอัน ว่า...

เสี้ยนไม้ตำหน่ะเรื่องนิดๆ ยังเอาออกได้
เจอเสี้ยนชีวิต ยิ่งกว่านี้อีก

ไม่น่าเชื่อว่าแม่เราจะมีคารมคมคายขนาดนี้ ภูมิใจในตัวคุณแม่จริงๆ

i3all บอล

13/6/52

เสี้ยน!!

พูดถึงเสี้ยน!! คุณนึกถึงอะไร

เพื่อนผมคนนึงนึกไปไกลมาก เธอเห็นหัวข้อที่อัพค้างไว้ว่า "เสี้ยน!!"
เธอคงคิดไปต่างๆนาๆ รอว่าเมื่อไหร่ผมจะกลับมาอัพซะที
จนเธอทนไม่ไหวเอ่ยปากถามมาว่า "ป๋าบอล นี่จะอัพอะไรเรื่องเสี้ยน!!"
ผมตอบกลับไปว่า "ทะลึ่ง!!"

คือจริงๆเรื่องมันเป็นอย่างนี้.....
23.30 น.
ขณะที่ผมกำลังปลดปล่อยกายาอยู่บนเตียง
สภาพผมตอนนั้นล่อนจ่อนเลยทีเดียว
มีเพียงผ้าขนหนูผืนน้อยคอยปกปิดความเป็นชายเอาไว้
ผมกำลังเผลอหลับไปในขณะที่รอใช้ห้องน้ำอาบน้ำ
"ตื๊ดๆ ตื๊ดๆ หว่างวับๆ..." ผมตื่นขึ้นพร้อมกับเสียง message
เป็น message เชิญชวนให้โหลดเพลงประกอบละครแจ๋วใจร้ายที่จบไปนานแล้ว
ผมนึกขึ้นได้ นี่เรายังไม่ได้อาบน้ำหนิ ไปอาบน้ำดีกว่า
ผมจึงตัดสินใจก้าวลุกจากเตียง เดินไปด้วยความงัวเงีย
เป้าหมายของผมคือห้องน้ำ ณ วินาทีนั้นผมรู้สึกได้ถึงมัน
มันช่างให้หัวใจผมเต้นแรง หายใจไม่เป็นจังหวะ มันช่างเสียวซ่านเหลือเกิน
ผ่านไป2วินาที ร่างกายผมหยุดนิ่ง ได้ยินเพียงเสียงหอบเสียงถอนหายใจของตัวเอง
อีก1วินาทีผ่านไป ผมรู้สึกเจ็บมากที่ตรงนั้นอย่างบอกไม่ถูก
ผมเหลือบมองต่ำลงไป
ต่ำลงไป
ต่ำอีก
ใต้สะดือ

"เสี้ยน!!" ครับ มันคือเสี้ยน!!
"กรูโดนเสี้ยนตำโว้ยยยยยย!!! ย้ากกกกกก"



ผมร้องลั่น'ในใจ' ณ จุดๆนั้นผมอยากจะแหกปากเหลือเกิน
แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ คนอื่นเค้านอนกันหมดแล้ว อึดอัดมากจริงๆ
หลังจากนั้นผมเริ่มได้สติกลับมา ว่ากันว่าสติมาปัญญาเกิด
ผมจึงพยายามเดินตะแคงเค้า นึกภาพออกใช่ไหม
หากคุณโดนเสี้ยนตำที่ฝ่าเท้า คุณคงเดินท่าเดียวกับผม
ผมเดินตะแคงเท้ากลับไปนั่งที่เตียง แล้วคิดได้ว่าเรามาอัพเรื่องนี้ลงบล๊อกดีกว่า
เป็นอารมณ์ประมาณว่า How to remove "เสี้ยน" from your teen.
ผมเลยเดินตะแคงเค้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือ 5800 Nokia Express Music
(โฆษณากันขนานนี้ ผมไม่ใข่หน้าม้านะครับ นั่นมัน cokiecompany จาก pantip)
นอกเรื่องไปซะงั้น ผมเลยเดินตะแคงเค้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือ
พรางกับร้องซี๊ดไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
ขณะนั้นเอง ผมรู้สึบวาบหวิวอีกครั้งหนึ่งเมื่อ ผ..ผะ..ผะ ผะ ผ้าผมหลุด โอ้วชิท
ผมเร่งคว้าผ้าในมือไว้.... แต่ไม่ทัน โป๊ไปแล้ว(โชคดีที่ห้องนอนผมมีผมอยู่คนเดียว)
ผมจึงพยายามเกร็งขาไว้ไม่ให้เสี้ยนมันถูกกดทับ ... แล้วก็ไม่ทันอีก - -!
โง่=เจ็บ เป็นสมการที่เกิดขึ้นมาในขณะนั้น
ผมจึงไม่สนใจมันหยิบผ้าแล้วเดินแบบปกติไปเลย (แบบยอมให้เท้ากดทับเสี้ยน)
2 ก้าวคือตัวเลขที่ผมทนได้ จึงกลับมาเดินท่าเดิมไปหยิบมือถือและหาเสื้อผ้ามาใส่จนสำเร็จ
แล้วค่อยบรรจงถ่ายรูปมาลงบล๊อกเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้ฟัง



ยังไม่จบนะครับ มีต่อภาค 2

i3all บอล

12/6/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(2) "Anantpowerful"

"แอนแอ๊นท์ พาวเวอร์ฟูล"
ผมจ่าหัว Title ไว้อย่างนั้น หรือ?

คงไม่ใช่ ที่จริงคือ
"อนันท์พาวเวอร์ฟูล" ต่างหากล่ะ



ว่าแต่คือมันคืออะไร
http://www.anantpowerful.com/ เป็นเวบไซต์ของ พันโทอานันท์ ชินบุตร
วิทยากรที่มาบรรยายในคลาส Innovative Thinking ประจำวันที่ 12 มิถุนายน


พี่อานันท์ (ขออนุญาตเรียกพี่นะครับ) ดูเป็นคนที่ดู Grand มาก
หมายถึงว่าทำอะไรก็ดูใหญ่ไปหมด หมายถึงดูน่าสนใจ
เช่นแค่เดินจากมุมห้องหนึ่งไปอีกมุมห้องหนึ่ง ก็ทำให้หลายคนสนใจว่าเดินไปทำไม
หรือแค่จับไมค์แล้วกำลังจพูดแต่ไม่ได้พูดอะไร คนก็รอฟังกันแล้ว

วันนี้พี่อานันท์มาบรรยายเรื่องราวดีๆมากมายทั้งที่ไม่เคยรู้มาก่อน และที่เคยรู้มาแล้วแต่ไม่เคยทำ
ผมเลยขออนุญาติ Quote คำพูดบางคำของพี่ที่โดนใจผมมาเขียนลง Blog นะครับ

"การ Compete คือการแข่งขันในสนามเดียวกัน แต่การ Create คือการแข่งขันในสนามใดก็ได้ "

"คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่ได้เกรด A แต่เป็นคนที่มีความสัมพันธ์เกรด A ต่างหากล่ะ"

"ทหารโกหกตัวเองเพื่อเปลี่ยนควาามคิด แล้วความจริงในอนาคตจะเข้ามาเอง"

"การที่ไม่รู้อะไรเลย คือการที่ไม่มีข้อจำกัดในด้านความคิด"

"คนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่เกิดจากการลอกเลียนแล้วนำมาปรับปรุง"

"หนึ่งก้าวที่ยังไม่สำเร็จ คืออีกหนึ่งก้าวที่นำไปสู่ความสำเร็จ"

"อาตมาวางสีกาไปนานแล้ว แล้วท่านล่ะวางไปหรือยัง"

"ทำไมลำปางร้อน? ... เพราะไม่มีใครคิดให้มันเย็น"



เรียนจบอารมณ์ไม่จบ

คำพูดของพี่อนันท์ที่ผมชอบมากที่สุดเลยคือ

"ทำไมลำปางร้อน? ... เพราะไม่มีใครคิดให้มันเย็น"

"ทหารโกหกตัวเองเพื่อเปลี่ยนควาามคิด แล้วความจริงในอนาคตจะเข้ามาเอง"

แค่ความคิดเปลี่ยน อะไรๆก็จะเปลี่ยนตาม มันเป็นเรื่องของทัศนคตินะ
บางทีเราอาจจะคิดว่าวันนี้เป็นวันซวยของเรา ไม่ว่าอะไรผ่านเข้ามาในชีวิต
"นั่นไง!! ซวยอีกแล้ว" ทั้งๆที่วันนี้ก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเมื่อวานเลย
หากเปลี่ยนความคิดว่าวันนี้เป็นวันดีของเรา ไม่ว่าอะไรผ่านเข้ามาในชีวิต ก็จะมองว่า
"วันนี้วันดีอีกแล้ว" อะไรๆก็จะดียิ่งขึ้นเนอะ ดูมีความสุขกว่าว่ามะ


สุดท้ายต้องขอขอบคุณพี่อนันท์มากครับ ที่มารบรรยายให้พวกผมฟัง
อาจจะตั้งใจบ้าง คุยบ้าง หลับบ้าง แต่ทุกๆคนก็ได้รับประโยชน์ดีๆในการฟังบรรยายครั้งนี้
ขอบคุณมากครับ

i3all บอล

6/6/52

ที่มาที่ไปของ Blog นี้

ที่จริงแล้วการเขียน Blog ก็ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับผม
ย้อนไปสมัยยังจำความได้... แล้วย้อนกลับมาตอนยังอยู่ม.4
ตอนนั้นผมมี Blog ส่วนตัวอันแรกของชีวิต (สมัยนั้นยังเรียกว่า diary อยู่เลย)
croco.storythai.com คือ url ของไดของผม แต่มันเก่ามากเค้าลบทิ้งไปแล้ว
ตอนนั้นผมใช้บันทึกเรื่องราวบ้าๆบอๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตม.ปลาย
ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้มาทบทวนและขีดเขียนประสบการณ์ต่างๆผ่านตัวหนังสือ
ทำไปได้อยู่ 2 ปี แล้วก็ต้องหยุดเขียนไปเพราะการเรียนที่หนักขึ้น
บวกกับชีวิตที่เริ่มซ้ำซากมากขึ้น
วันๆมีแต่เรียนในห้อง แล้วก็ไปเรียนสยาม ไม่มีอะไรตื่นเต้นให้อัพเลย
การทำไดของผมจึงจบลง ณ จุดๆนั้น

เวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว จากวันนั้นจนวันนี้ 4 ปีได้แล้วนะครับ

ผมได้กลับมาเขียน Blog อีกครั้งนึง
แต่ครั้งนี้การทำ Blog ของผมมีวัตถุประสงค์ต่างไปจากครั้งก่อน
คืออันดับแรกแน่นอน เขียนขึ้นเพื่อวิชา Innovative Thinking ของอ.ธงชัย
อันดับสองคือเขียนเพื่อบันทึกเรื่องราวบ้าๆบอๆเหมือนที่เคยเขียนมาก่อนนั้นแหละ
ส่วนวัตถุประสงค์สุดท้ายต้องการจะเขียน Blog เพื่อพัฒนาตนเอง อ้าวงงอ่ะดิ!!
คือตอนนี้ผมมีความสนใจในเรื่องภาษาจีน
วันนึงอาจเห็นผมเขียน Blog เป็นภาษาจีนก็ได้ โอ้วว!!
หรืออาจจะบันทึกคำศัพท์ที่หามาจาก internet ลงใน Blog
(ดูเพ้อฝันมาก แต่จะพยายามทำและกัน)
อีกเรื่องนึงคือผมกำลังสนใจเรื่องของการออกกำลัง
เนื่องด้วยความอ้วนที่ถาถมเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีหลัง
จากตอนเอนท์เข้ามาหนัก 55 ปัจจุบัน 67 แล้วค้าบบบ (12 โลโอ้วแม่เจ้า)
ปฏิบัติการลดความอ้วนก็ต้องเกิดขึ้น
เลยตั้งใจว่าจะเล่นเวทเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อพร้อมกันไปทีเดียวเลย
ซึ่งการจะทำให้สำเร็จได้นั้นต้องมีวินัยในตัวเองพอสมควรเลย ซึ่งผมไม่ค่อยมี
เลยจะให้ Blog เป็นตัวเตือนสติตัวเองว่าวันๆเราทำอะไรไปบ้าง
กินอะไรไปบ้าง ออกกำลังไปหรือเปล่า

ฟังแล้วมันดูจริงจังและเพ้อฝันเนอะการเขียน Blog ครั้งนี้
แต่เชื่อเถอะผมจะทำให้ได้ ผมสัญญาครับ(ดูมุ่งมั่นเลยทีเดียว)

i3all บอล

ปล. การทำ Blog ครั้งนี้ตั้งใจจะทำยาวเลยครับ คือถ้าเรียนจบแล้วยังมีแรงทำก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ
ผมเลยใช้บริการกับ Blogger ครับเพราะน่าจะตอบโจทย์ของผมได้ดีกว่าที่อื่น (อย่าน้อยใจนะครับ iSociety)

5/6/52

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ(1) A-Z


2110496 Advance Topics in Computer Engineering II Section 2
การคิดเชิงนวัตกรรม 2009 (Innovative Thinking 2009)

ประสบการณ์แรกกับคลาสเรียนวิชา Innovative Thinking ต้องบอกได้เลยว่า

"วิชานี้มันช่างน่าเรียนจริงๆ"

เพราะ Innovative Thinking เป็นวิชาที่แปลกและแตกต่าง
-มีทั้งกฎและระเบียบต่างๆให้ปฏิบัติ
-มีเกณฑ์การวัดผลที่แตกต่างจากวิชาอื่นๆ
-เนื้อหาการเรียนการสอนที่ไม่ใช่แค่ท่องหรือทำความเข้าใจ
-กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนต่างๆ
-วิทยากรจากภายนอกที่จะเข้ามาบรรยายในชั้นเรียน
และอื่นๆอีกมากมายที่อาจารย์ผู้สอน(อ.ธงชัย) ได้เกริ่นนำกันไว้

ในวันแรกของการเรียนมีกิจกรรมให้ทำมากมาย กิจกรรมที่ผมรู้สึกชอบมากที่สุดและเป็นที่มาของชื่อเรื่องของผมในวันนี้คือ กิจกรรมที่อาจารย์ให้เขียนตัวอักษร A-Z แล้วให้ลองนึกถึงคำต่างๆที่ร่ำเรียนตลอด 3 ปีที่ผ่านมาที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเหล่านี้ แล้วอาจารย์ก็เริ่มเปิดเพลงพร้อมกับจับเวลา ในตอนแรกที่เห็นโจทย์รู้สึกได้เลยว่ายากนะ จะทำได้ครบไหมเนี่ย แต่พอได้เริ่มทำเริ่มเขียนซัก 2-3 คำ คำต่างๆมันเริ่มพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเราก็ทำได้นะ มันไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดซะหน่อย ผลงานที่ออกมาเลยได้ดังนี้

A Amazon
B Bot
C CPU
D Database
E Explorer
F Facebook
G Google
H Hi5
I Internet
J Java
K Keyboard
L Linux
M Mouse
N NP Problems
O Object Oriented
P Pantip
Q Queen Problem
R RFID
S Social Network
T Twister
U Unix
V VGA
W Window
X XP
Y Yahoo
Z ??

ได้ 25 คำจาก 26 คำ นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว ขาดแต่ตัว Z ที่ยังนึกไม่ออก หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้นิสิตได้แชร์ความเห็นกับ พบว่าเพื่อนๆหลายๆคนมีความเห็นที่แปลกและแตกต่างกันไป ไอเดียต่างๆก็เริ่มพรั่งพรูออกมาอีกรอบ "คำนี้แกคิดได้ไง" "คำนี้เจออยู่ทุกวันทำไมนึกไม่ออก" "คำนี้มันเกี่ยวกับที่เรียนมาด้วยเรอะ??"

เรียนจบอารมณ์ไม่จบ
เมื่อจบคลาสแล้วกิจกรรมนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าความคิดคนเรามันเหมือนมีอะไรเชื่อมโยงกันอยู่ หากเราคิดถึงเรื่องนึงได้ มันก็จะเชื่อมโยงไปอีกเรื่องนึงได้ ต่อไปเรื่อยๆดหมือนต้นไม้ที่มีรากแก้ว แล้วค่อยๆแตกเป็นรากฝอยไปเรื่อยๆ งงมั๊ย!! เช่นเมื่อผมนึงถึงคำว่า Google ได้ Facebook Hi5 Social Network ก็จะตามมา แล้วเมื่อนึกถึง Social Network ซึ่งคำนี้ผมได้รู้จักครั้งแรกในวิชา ISO ซึ่งตอนนั้นก็ได้เรียนเรื่อง RFID คำว่า RFID เลยออกมา เห็นไหมว่ามันเยื่อมโยงไปได้เรื่อยๆเลย

ผมเลยลองเอาแบบฝึกนี้มาลองใช้กับชื่อเพื่อนๆดีกว่า ทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ที่เคยรู้จักกัน ลองพยายามเชื่อมโยงหาชื่อคนให้ครบทั้ง 26 คนให้ได้ โดยผมจะจับเวลา 3 นาที (ไม่ต้องห่วงผมไม่ดูเบอร์ในโทรศัพท์หรอกเพราะผมบันทึกไว้เป็นภาษาไทย)

A Art
B Benz
C Cake
D Dui
E Eang
F F
G Guy
H Hon
I Ice
J Jacq
K Keng
L Luktarn
M Meow
N Noey
O Ofz
P Pound
Q Q
R R
S Sand
T Tor
U Unn
V Vew
W Wittavin
X X
Y Yoottana
Z

ปรากฎว่า ได้ 25 เต็ม 26 อีกแล้ว ก็ทำให้เพลินดีนะ ว่างๆถ้าไม่มีอะไรทำก็ลองมานั่งนึกอะไรแบบนี้ก็ดีไม่ใช่น้อยเหมือนกัน อย่างตอนนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนเก่าๆ เรื่องราวเก่าๆได้เยอะเหมือนกันภายใน 3 นาที ไม่เชื่อเพื่อนๆลองเขียน A ถึง Z แล้วลองนึกถึงอะไรซักอย่างแล้วลองเขียนดู จะรู้สึกได้เลยว่า ความคิดคนเรามันเชื่อมโยงได้อย่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ

i3all บอล